ปวดกล้ามเนื้อจากการเล่นกีฬา มัดรวม 5 วิธีรักษาทางกายภาพฯ ฟื้นฟูให้แข็งแรง
ปวดกล้ามเนื้อจากการเล่นกีฬา เหมือนจะดูเป็นอาการที่ธรรมดา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นความบาดเจ็บที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ว่าจะในกลุ่มนักกีฬาเองหรือว่าคนทั่วไปก็ตาม ก็จะมีสาเหตุของการเกิดอาการอักเสบกล้ามเนื้อแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ทุกคนได้ทราบถึงแนวทางการรักษาอาการนี้โดยการใช้วิธีทางกายภาพบำบัด Newton Em Clinic จึงรวบรวมการรักษามาทั้งหมด 5 วิธีมาฝาก จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น มาดูไปพร้อม ๆ กัน
ปวดกล้ามเนื้อจากการเล่นกีฬา อาการที่เกิดขึ้นได้ แต่ไม่ควรละเลย
แม้จะเป็นภาวะที่ดูธรรมดา ไม่ได้มีอันตรายอะไรมาก แต่ภาวะกล้ามเนื้ออักเสบนั้นก็ส่งผลต่อก็ใช้ชีวิตประจำวันของเราอยู่มากพอควร จนบางครั้งจะใช้ชีวิตหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ไม่เต็มที่ ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าอาการดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณที่นำไปสู่การเกิดกล้ามเนื้ออักเสบ หากปล่อยไว้นานไปก็อาจเกิดอันตรายได้ ดังนั้น ในบทความนี้จึงจะมาแนะนำและไขคำตอบทุกข้อสงสัยว่าอาการกล้ามเนื้ออักเสบคืออะไร พร้อมแนวทางการรักษากล้ามเนื้ออักเสบที่ควรรู้ให้ทุกคนได้เข้าใจกันมากขึ้น ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ตามมาดูไปพร้อม ๆ กัน
ทำความรู้จัก “DOMS ” อาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
อาการปวดกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกาย (Delayed Onset Muscle Soreness) หรือหลายคนเรียกว่า ดอมส์ (DOMS) จะไม่เกิดขึ้นทันทีหลังออกกำลังกาย แต่เราจะรู้สึกได้หลังออกกำลังกายไปแล้ว 12-72 ชั่วโมง และอาการนี้จะหายไปเองใน 7-10 วันโดยไม่จำเป็นต้องกินยา หากอยู่เฉยๆ เราจะไม่รู้สึกปวด แต่เมื่อลองขยับหรือกดกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ จะรู้สึกเจ็บหรือตึง และไม่ใช่แค่การออกกำลังกายเท่านั้นที่ทำให้เกิดอาการดอมส์ได้ แต่การใช้แรงอย่างการยกของหนัก หรือการเต้นสุดเหวี่ยง ก็ทำให้เกิดอาการดอมส์ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ อาจพูดได้ว่าอาการดอมส์เป็นจุดเริ่มต้นของคนที่เริ่มออกกำลังกาย เพราะร่างกายไม่เคยชินกับการออกแรง เมื่อเราออกกำลังกายสม่ำเสมอจนร่างกายพัฒนาและมีความทนทานต่อกิจกรรมที่ใช้แรงมากขึ้น อาการดอมส์จากกิจกรรมนั้นก็จะหายไป แต่เมื่อเราลองทำกิจกรรมใหม่ๆ หรือใช้แรงมากขึ้นกว่าเดิม อาการดอมส์ก็สามารถเกิดขึ้นได้อีก
กล้ามเนื้ออักเสบ สาเหตุ เกิดจากอะไรได้บ้าง
ตามปกติแล้วสาเหตุของภาวะกล้ามเนื้ออักเสบนั้นค่อนข้างจะระบุได้ยาก เพราะสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งสามารถยกตัวอย่างได้จากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ คือ
การได้รับบาดเจ็บ
การออกกำลังกายอย่างแข็งขันเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การปวด บวม และอ่อนแรงของกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกาย โดยอาจเกิดขึ้นนานเป็นชั่วโมงขึ้นไปหรือเป็นวัน ๆ และทำให้เกิดการอักเสบตามมาในที่สุด แต่ก็มักจะหายไปเมื่อหยุดพักหรือเมื่อร่างกายได้รับการฟื้นฟู
การติดเชื้อ
การติดเชื้อที่เป็นต้นเหตุของกล้ามเนื้ออักเสบส่วนมากเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น เชื้อไวรัสโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ และเชื้อไวรัสเอชไอวี กล้ามเนื้ออักเสบอาจเกิดจากเชื้อไวรัสเหล่านี้บุกเข้าไปยังเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อโดยตรงหรือมีการปล่อยสารที่ไปทำลายใยกล้ามเนื้อให้เสียหาย
การอักเสบ
ภาวะที่ก่อให้เกิดการอักเสบไม่ว่าบริเวณใดของร่างกายก็สามารถส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อ และมักตามมาด้วยการอักเสบอย่างรุนแรงของกล้ามเนื้อที่จำเป็นต้องรับการรักษาระยะยาว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักพบว่าเป็นการอักเสบที่เกิดจากโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง หรือภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติที่ร่างกายหันมาทำลายตัวเองนั่นเอง
กล้ามเนื้ออักเสบทำให้เป็นไข้ได้ยังไง ส่งผลอันตรายยังไงบ้าง?
เนื่องจากในหลาย ๆ เคส ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อจากโรคนี้ โดยโรคกล้ามเนื้ออักเสบ อาจเกิดจากการอักเสบขึ้นเองของร่างกาย เกิดจากการติดเชื้อ การใช้ยาบางชนิด หรือ เกิดตามหลังการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อเองก็ได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณกล้ามเนื้อหรือมัดกล้ามเนื้อนั้นๆ ที่อักเสบ ทำให้มีอาการปวดขณะเคลื่อนไหว หรือ กดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อดังกล่าว ตลอดจนทำให้เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อมัดนั้น ๆ ได้ และการอักเสบดังกล่าวก็ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายผู้ป่วยหลาย ๆ อย่าง เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ในเวลาเดียวกัน ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้นาน ๆ จำเป็นต้องรีบเข้าพบแพทย์เพราะอาจเป็นสัญญาณอันตรายของภาวะโรคบางอย่างได้
5 วิธีทางการทำกายภาพเพื่อรักษาภาวะ “กล้ามเนื้ออักเสบ”
กายภาพบําบัดกล้ามเนื้ออักเสบ โรคกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง (Myofascial pain syndrome) สามารถรักษาด้วยเครื่องมือ กายภาพบำบัด ดังนี้
1.การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG)
เป็นการสอดขั้วกระแสไฟฟ้ารูปร่างคล้ายเข็มผ่านผิวหนังเข้าไปภายในกล้ามเนื้อ วิธีนี้จะช่วยตรวจหากล้ามเนื้อที่อ่อนแอหรือถูกทำลายจากการเกิดกล้ามเนื้ออักเสบ โดยเครื่องจะบันทึกสัญญาณไฟฟ้าของปลายเส้นประสาท เพื่อให้แพทย์สามารถดูว่ามีรูปแบบการทำงานผิดปกติหรือไม่
2.การทำ MRI Scan
เป็นการวินิจฉัยโดยใช้กระแสแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูงถ่ายภาพกล้ามเนื้อของผู้ป่วย สามารถช่วยระบุหากล้ามเนื้อบริเวณที่มีการอักเสบหรือมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามวิธีนี้มักไม่ค่อยนำมาใช้
3.เครื่องอัลตร้าซาวด์
ช่วยคลายก้อนกล้ามเนื้อแข็งและเกร็งตัวให้นิ่มลง
4.เครื่องไฮเพาเวอร์เลเซอร์
ช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
5.เครื่องอบความร้อนลึก
ช่วยคลายกล้ามเนื้อและลดการอักเสบ อย่างไรก็ดี ภาวะกล้ามเนื้ออักเสบ สามารถบรรเทาอาการปวดและอักเสบได้ด้วยการทำกายภาพบำบัดควบคู่ไปกับวิธีอื่นๆ ซึ่งการกายภาพบำบัด สามารถช่วยลดการอักเสบ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ตลอดจนฟื้นฟูกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บและอักเสบให้ดีขึ้นได้ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและใช้งานกล้ามเนื้อได้เต็มประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ นอกจากเครื่องมือดังกล่าวแล้ว นักกายภาพบำบัดอาจนำวิธีอื่น ๆ มาร่วมด้วย ซึ่งการกายภาพบำบัดประกอบไปด้วย การทำกายบริหารเพื่อยืดเหยียดกล้ามเนื้อ การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น คลื่นอัลตราโซนิกส์หรือกระแสไฟฟ้า เพื่อลดการอักเสบหรือกระตุ้นกล้ามเนื้อที่มีพยาธิสภาพให้ดีขึ้นและกลับมาใช้งานได้ปกติ ฉะนั้น หากใครรู้ตัวว่าตนเองมีภาวะกล้ามเนื้ออักเสบก็ควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาต่อไป
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วิดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวิดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- กายภาพบําบัด กล้ามเนื้ออักเสบ รักษาได้ผลไหม ต้องทำต่อเนื่องหรือเปล่า?
- ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Myofascial Pain Syndrome)
- กล้ามเนื้ออักเสบ กินอะไรดี ให้ฟื้นฟูไว กลับมาใช้งานได้ปกติ