โดนแดดแล้วปวดหัว ปวดตา สัญญาณปวดไมเกรนที่ควรระวัง
โดนแดดแล้วปวดหัว ปวดตา อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะไมเกรนที่หลาย ๆ คนอาจไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อก้าวเข้าสู่หน้าร้อน “โรคลมแดด” ถือเป็นโรคยอดฮิตในเลยก็ว่าได้ ซึ่งในช่วงหลัง ๆ โดยเฉพาะหน้าร้อนในปีนี้เราจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้คนที่มาจากภาวะนี้หลาย ๆ ครั้งในกรณีที่มีภาวะรุนแรง อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจพบกับภาวะปวดหัวหรือบริเวณศีรษะตามจุดต่าง ๆ ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาการแสดงที่ควรระวัง โดยเฉพาะผู้ที่มี “ภาวะไมเกรน” ที่อาจเกิดผลเสียได้
โดนแดดแล้วปวดหัว ปวดตา เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ เป็นสัญญาณจากอาการไมเกรนหรือเปล่า?
“โรคลมร้อนหรือลมแดด” นั้น เป็นที่รู้จักอีกนามหนึ่งคือ ฮีทสโตรก นั่นเอง โดยในปัจจุบันภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาที่ทุกคนให้ความสำคัญ เพราะนับวันอุณหภูมิโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะประเทศไทยที่เราสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าอากาศร้อนขึ้นกว่าปีที่แล้วอย่างชัดเจน โดยภาวะดังกล่าวมักจะพบในฤดูร้อน โดยเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ความร้อนในร่างกาย (Core Temperature) สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส และไม่สามารถระบายความร้อนออกมาทันทีได้ โรคนี้เมื่อเกิดอาการต้องรีบรักษาเนื่องจากมีโอกาสเสียชีวิตสูง ทั้งนี้ อาการฮีทสโตรก ยังส่งผลให้เกิดอาการบางประการต่อร่างกายได้ เช่น อาการปวดหัว ปวดตา ปวดขนงคิ้ว จากอาการร้อน เป็นต้น
อยู่กลางแดดจ้าเป็นเวลานาน ๆ แล้วรู้สึกปวดหัว แบบนี้ร่างกายเป็นอะไรหรือเปล่า ?
อาการปวดศีรษะเพราะอากาศร้อน หรืออยู่กลางแดดนานๆ เป็นการปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ (Primary Headache) เช่น ปวดไมเกรน เป็นอาการปวดศีรษะชนิดหนึ่ง มีลักษณะอาการปวดตุบๆ และมักเป็นข้างเดียว อาการดังกล่าวจะกำเริบขึ้นเมื่อมีปัจจัยบางอย่างมากระตุ้นโดยอากาศร้อน หรือการอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน เป็นปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้บางคนเป็นไมเกรนได้ โดยจากงานวิจัยพบว่า อากาศที่ร้อนเพิ่มขึ้นทุกๆ 5 องศา จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการไมเกรนกำเริบเพิ่มขึ้นถึง 7.5% เนื่องจากหลอดเลือดแดงในสมองเกิดการบีบและคลายตัวมากกว่าปกติ จนทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง
ดูแลตนเองอย่างไรเพื่อป้องกันไมเกรนกำเริบ
สำหรับการดูแลตนเองเบื้องต้นหากเผชิญอาการไมเกรนกำเริบ สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ตามวิธีการต่าง ๆ ดังนี้…
- หลบเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีแสงแดดจัด โดยเฉพาะในช่วงเวลา 9.00-16.00 น.
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ร้อนและแออัด มีผู้คนจำนวนมาก ซึ่งทำให้อากาศหายใจไม่เพียงพอ
- ดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อช่วยคลายความร้อน การดื่มน้ำที่เพียงพอจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้
- รับประทานยาแก้ปวด ใช้ผ้าเย็นประคบบริเวณหน้าผากหรือต้นคอเพื่อบรรเทาอาการ
- หากอาการไม่ดีขึ้น มีอาการปวดศีรษะจากไมเกรนติดต่อกันนานเกิน 3-4 วัน ควรปรึกษาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการ และรักษาต่อไป
วิธีบรรเทาอาการปวดหัวแบบฮีทสโตรกด้วยการนวดกดจุด
ถ้าเช็คตัวเองเบื้องต้นแล้วมั่นใจว่า สาเหตุอาการปวดหัวนั้น ไม่ใช่อาการของโรคทางหลอดเลือดสมอง หรือเนื้องอกสมอง แต่เป็นเพียงปวดศีรษะจากความเครียด ออฟฟิศซินโดรม หรือพักผ่อนไม่เพียงพอทั่ว ๆ ไป ควรหยุดการกินยาแก้ปวดแบบไม่จำเป็น แล้วหันมาลองแก้อาการปวดหัวด้วยตัวเองก่อน เช่น การ นวดกดจุด และยืดกล้ามเนื้อ ถ้าอาการปวดหัวที่เป็น มีอาการตึงของกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ร่วมด้วย ก็เป็นได้ว่าอาการปวดศีรษะนั้นเกิดจากการทำงานหนักของกล้ามเนื้อคอ และบ่า ให้ลองนวดกดตรงกล้ามเนื้อบริเวณที่เรียกว่า Trapezius คือช่วงบ่า และ ไหล่ นวดกดไว้จนกล้ามเนื้อมัดที่จับเป็นก้อนเริ่มคลายตัว หลังจากนั้นให้ยืดกล้ามเนื้อคอ โดยใช้มือขวาดึงศีรษะเอียงไปด้านขวาค้างไว้ 10 วินาที แล้วสลับข้าง อาการปวดหัวจะผ่อนคลายลง
คำถามที่พบบ่อย
ปวดหัวแบบไหนเสี่ยงเส้นเลือดแตก
มีอาการปวดหัวรุนแรง ร่วมกับมีอาการแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกทันที โดยเป็นอาการร่วมที่แสดงถึงภาวะทางร่างกายที่บ่งบอกว่าเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ที่เกิดจากเลือดออกในเนื้อสมองนั่นเอง
ขมับเต้นตุบๆเกิดจากอะไร
อาการปวดแบบตุ๊บ ๆ ที่ขมับ มักจะเกิดจากการเต้นของเส้นเลือด ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจาก ภาวะเครียด วิตกกังวล, ปวดหัวแบบไมเกรน, ภาวะเส้นเลือดอักเสบ และอยู่สภาวะแวดล้อมที่ร้อนเกินไป เป็นต้น
อาการปวดหัวแบบไหนอันตราย
อาการปวดศีรษะที่บ่อยครั้งเกินไป หรือมากกว่า 1 ครั้งใน 1 สัปดาห์ และปวดต่อเนื่องเป็นเดือน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าเราอาจกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท ไม่ควรละเลยและรีบเข้าพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วิดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวิดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- “ปวดหลังเรื้อรัง” พฤติกรรมที่ทำให้คุณปวดหลังแบบไม่รู้ตัว
- “โรคกระดูกสันหลัง” 4 โรคที่ควรระวังปล่อยไว้อาจส่งผลเสีย
- กระดูกสันหลังคด กายภาพ บำบัดหายไหม มีขั้นตอนยังไง?