รองเท้าใส่วิ่ง ช่วงหน้าฝน 3 คุณสมบัติรองเท้าสำหรับนักวิ่งที่ควรเลือก

รองเท้าใส่วิ่ง ช่วงหน้าฝน เรียกได้ว่าเป็นไอเทมที่สำคัญมาก ๆ สำหรับกีฬาประเภทนี้ เพราะรองเท้าสำหรับการวิ่งนั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่คอยป้องกันไม่ให้เท้าของนักวิ่งเกิดการเจ็บจากสิ่งแปลกปลอมตามพื้นถนนเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยให้การวิ่งมีเสถียรภาพ ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้สวมใส่เกิดอุบัติเหตุจากการวิ่งหรือเล่นกีฬาได้ง่าย ๆ ด้วย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่พื้นถนนหรือพื้นสนามนั้นจะเปียกและลื่นมากกว่าปกติ ดังนั้น ในบทความนี้ Newton Em Clinic จึงได้รวบรวมคุณบัติของรองเท้าสำหรับนักวิ่งที่เหมาะสมมาแชร์ให้ได้ศึกษากัน

รองเท้าใส่วิ่ง ช่วงหน้าฝน ป้องกันการลื่นและอุบัติเหตุสำหรับนักวิ่งและผู้ที่ชื่นชอบออกกำลังกาย

การทำให้เท้าของคุณแห้งและอบอุ่นเสมอในอากาศที่มีฝนตกเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะวิ่งเป็นกิจวัตร หรือสนุกกับการเล่นบาสเก็ตบอลกลางแจ้ง “ฝน” เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอาศัยหรือฝึกซ้อมอยู่ที่ใด ดังนั้นการเตรียมพร้อมอย่างเหมาะสมด้วยอุปกรณ์กีฬาที่ทนทานต่อสภาพอากาศไม่เป็นใจต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ รองเท้าที่พร้อมลุยฝนจะช่วยยึดเกาะ กันน้ำ และป้องกันความชื้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และการมีรองเท้าคู่นั้นก็จะช่วยให้คุณโฟกัสกับสิ่งที่ทำอยู่ได้ ความสามารถที่แสดงออกมานั้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการเตรียมพร้อมรับมือสภาพอากาศใด ๆ ที่ต้องเผชิญ การสะดุดล้มและลื่นไถลบนเทรลหรือสนามที่แฉะอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บและต้องพักไปตลอดทั้งฤดูกาลที่เหลือ ดังนั้น สิ่งที่คุณควรมองหาก็คือ รองเท้าสำหรับสภาพอากาศที่ฝนตกเพื่อช่วย save ให้คุณปลอดภัยมากขึ้นนั่นเอง

รองเท้าและถุงเท้าสำหรับการวิ่งในช่วงหน้าฝน ควรเลือกอย่างไร?

รองเท้าและถุงเท้าที่เหมาะเลือกสวมในช่วงหน้าฝน ต้องไม่หนาเกินไป เพราะจะดูดซึมน้ำเอาไว้ทำให้การวิ่งจะรู้สึกว่าหนักที่เท้า ทั้งยังอาจทำให้เกิดแผลพลุพองตอนที่ผิวหนังเปียกชื้นแล้วเกิดการเสียดสีในขณะวิ่ง ในส่วนของรองเท้าวิ่งนั้น ถ้ารู้ตัวว่า ต้องไปวิ่งตากฝน แนะนำให้คุณนำรองเท้าคู่ที่เตรียมซักมาใส่วิ่งเลย หรือจะไปเสาะหารองเท้าชนิดกันน้ำ หรือรองเท้าที่ใช้วิ่งเทรลก็ได้เช่นกัน

3 คุณสมบัติของรองเท้าสำหรับวิ่งในช่วงหน้าฝนที่นักวิ่งควรรู้

โดยเบื้องต้น นักวิ่งหรือผู้ที่ชื่นชอบออกกำลังกายสามารถเลือกรองเท้าได้จากคุณสมบัติเบื้องต้นจาก 3 ข้อดังนี้..

1. พื้นรองเท้ายึดเกาะได้ดี ไม่ลื่น

หัวใจสำคัญก็น่าจะเป็นเรื่องพื้นรองเท้าที่เหมาะกับการวิ่งในที่เปียกหรือมีน้ำขัง ดังนั้นควรเลือกรองเท้าที่มีดอกยางมากกว่าปกติ เพราะจะช่วยยึดเกาะถนนบนพื้นเปียกได้ดีลดการลื่นไถลอันเป็นสาเหตุของการลื่นล้มหรือบาดเจ็บ การเลือกรองเท้าที่มีดอกยางจะเหมาะกับการเพิ่มแรงยึดเกาะ เวลาวิ่งบนพื้นมากขึ้นนั่นเอง

2. ระบายอากาศได้ดี แห้งเร็ว

ความยาวในการก้าวนั้นแสดงถึงความแข็งแรงของ และความยื่นหยุ่นของกล้ามเนื้อ

3. กระชับรับพอดีกับรูปเท้า

ส่งผลให้วิ่งแล้วทรงตัวได้ดีและปลอดภัยต่อข้อเท้า เราแนะนำให้ทดลองใส่แล้ววิ่งเบา ๆ ดูเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าสวมใส่แล้วสบายเท้า ช่วงส้นเท้าไม่กว้างหรือหลวมเกินไปจนทำให้รองเท้าหลุดออกจากเท้าได้ง่ายขณะวิ่ง

เทคนิค “การวิ่งในหน้าฝน” วิ่งยังไงให้ปลอดภัย ห่างไกลการบาดเจ็บ

อย่างแรกสุดเลยต้องดูพยากรณ์อากาศ หากว่าเสี่ยงต่อฝนตกหนัก ลมแรง ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงนะครับ โดยเฉพาะการวิ่งข้างนอก ที่อาจจะเกิดอันตรายทั้งจากกิ่งไม้ แผ่นป้ายโฆษณา หรือของต่างๆ ที่อาจจะปลิวมาระหว่างทางได้ ดังนั้น แล้วการวิ่งในหน้าฝน ต้องเตรียมพร้อมเรื่องความปลอดภัย เสื้อผ้าที่เลือกใส่ ควรจะให้ความอบอุ่นที่เพียงพอ และระบายอากาศได้ดี เลือกที่มีสีสดใส ให้มองเห็นได้ชัดเจน หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีอ่อน เพราะจะกลายเป็นผ้าซีทรูระหว่างวิ่งได้ ถุงเท้าควรเลือกที่บางเบาและไม่อมน้ำที่จะเพิ่มน้ำหนักให้เราระหว่างการวิ่ง และควรจะสวมหมวกและแว่นตา ที่จะช่วยป้องกันน้ำเข้าตา การวิ่งในขณะที่เปียกฝนจะเกิดการเสียดสีบริเวณข้อพับได้ง่ายกว่าปกติ ควรทาวาสลีนตรงบริเวณข้อพับ หรือจุดเสียดสีต่าง ๆ เพื่อป้องกันแผลเสียดสีที่อาจจะเกิดขึ้น ฉะนั้น อย่าลืมตรวจสอบสภาพรองเท้าก่อนออกวิ่งทุกครั้ง เพราะจะเจอสภาพถนนที่เปียกชื้น มีโอกาสลื่นล้มบาดเจ็บได้ง่ายกว่าปกติ ทั้งนี้ ในส่วนของอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคส์ต่างๆ ควรเก็บในซองกันน้ำให้เรียบร้อย ที่สำคัญ หลังจากวิ่งเสร็จแล้ว ควรจะเช็ดร่างกายให้แห้ง เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่แห้งสะอาด และให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายด้วยการดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ และพักผ่อนให้เพียงพอด้วย อย่างไรก็ตาม รองเท้าวิ่งถือเป็นทั้งอุปกรณ์หลักของการวิ่ง เป็น Gadget ที่สำคัญและไม่ควรมองข้ามรายละเอียดในการเลือกซื้อรองเท้าวิ่งให้เหมาะสม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และช่วยเสริมให้วิ่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยปัจจัยที่ใช้ในการเลือกรองเท้าวิ่งนั้นมีด้วยกันหลายข้อ เช่น ลักษณะรูปเท้า พื้นผิวที่วิ่ง หรือเลือกตามประเภทของการวิ่ง เป็นต้น ดังนั้น อย่าลืมที่จะให้ความสำคัญและอย่าละเลยในการเลือกอย่างละเอียด เพราะหากเลือกพลาดอาจเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถคาดได้เลยก็เป็นได้

——————————–

ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง

บทความที่น่าสนใจ

ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม

Newton Em Clinic เป็นคลินิกกายภาพที่มุ่งเน้นการบริการทางด้านกายภาพบำบัดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ออฟฟิศซินโดรม และอาการปวดตามส่วนต่างๆ เช่นหลัง บ่า เข่า และข้อ เป็นต้น ด้วยบริการต่างๆ ดังนี้ กายภาพบำบัดทั่วไป กายภาพบำบัดหลังผ่าตัด การรักษาอาการบาดเจ็บทางกีฬา นวดการกีฬา โปรแกรมยืดกล้ามเนื้อ โปรแกรมเตรียมความพร้อมให้กับนักกีฬาก่อนแข่ง โปรแกรมฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังแข่ง การตรวจโครงสร้างทางร่างกาย โปรแกรมออกกำลังกายในน้ำ โปรแกรมออกกำลังกายรักษาอาการปวดพิลาทิส รับปรึกษาแผนการพัฒนาความคิดและพฤติกรรมสำหรับเด็ก และกายภาพบำบัดในท่อน้ำนมอุดตันสำหรับหญิงหลังคลอด ซึ่งเรามีความรู้ในการดูแลและประสบการณ์ด้านการรักษา เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายตามมาตรฐานด้วยเทคนิคเฉพาะทาง พร้อมทั้งสามารถให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพจากทีมนักกายภาพบำบัดที่มีประสบการณ์โดยตรง เหมาะสำหรับกลุ่มนักกีฬา ผู้ที่ออกกำลังกาย และผู้ที่มีภาวะจำเป็นที่ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดเช่น กายภาพบำบัดหลังการผ่าตัด คุณแม่หลังคลอดและผู้สูงอายุ

ปัจจุบันเรามีคลินิกที่พร้อมให้บริการจำนวน 6 สาขา โดยแต่ละสาขาจะมีการให้บริการ การรักษาขั้นพื้นฐานที่เหมือนกัน และยังมีการให้บริการที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางของแต่ละสาขา โดยนักกายภาพที่มีประสบการณ์และผ่านการอบรมเฉพาะด้านเพื่อผลิตผู้รักษาให้ตรงตามอาการของผู้ป่วยทุกคน คลินิก Newton Em พร้อมให้บริการจำนวน 6 สาขา

สาขาลาดพร้าว เบอร์โทร 099-553-9445
สาขาทองหล่อ เบอร์โทร 099-553-9445
สาขากาญจนาภิเษก เบอร์โทร 099-553-9445, 083-559-5954
สาขาพระราม 6 เบอร์โทร 099-553-9445
สาขารามคำแหง เบอร์โทร 099-553-9445, 02-115-5353
สาขาราชพฤกษ์ เบอร์โทร 096-264-4250

เวลาทำการ: วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 10:00 น. – 19:00 น.

ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม

Tel: 099-553-9445