นวดตา ผ่อนคลาย จ้องจอนานๆ ล้าสายตา ต้องนวดยังไง?
นวดตา ผ่อนคลาย จากอาการล้าหลังจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์มาทั้งวัน ถือเป็นกิจกรรมและกิจวัตรประจำวันของคนยุคนี้ไปเสียแล้ว กับการทำงานออนไลน์ อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ ไอแพด แท็บเล็ต หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ การกระทำเหล่านี้ส่งผลให้มีอาการเมื่อยล้าดวงตาเนื่องจากต้องนั่งเพ่งจอเป็นเวลานานๆ นั่นเอง ซึ่งในการนวดตาเพื่อเป็นการผ่อนคล้ายความเมื่อยล้าที่ถูกต้องควรทำอย่างไร ในบทความนี้มีคำตอบ
นวดตา ผ่อนคลาย จากอาการล้าหลังจ้องจอคอม ต้องทำอย่างไร?
ในปี 2560 ที่ผ่านมา เป็นผู้ป่วยโรคตาจากความผิดปกติของสายตาและการเพ่งมองถึง 3,844 ราย สาเหตุของการเกิดโรคเหล่านี้ มาจากการใช้สายตาเพ่งมองหน้าจอมากเกินไป แม้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อตาอย่างเฉียบพลัน แต่ทำให้เกิดความไม่สบายตา ระคายเคือง และเป็นปัญหารบกวนการใช้สายตาอยู่เสมอ ทั้งนี้ หากมีปัญหาสายตาควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติและรับการรักษาอย่างทันท่วงที
อาการปวดตาและเมื่อยล้าตา เกิดจาก…
เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อตาในท่าซ้ำๆ เดิมเป็นเวลานานจนเกินความอดทนของกล้ามเนื้อตา เนื่องจากเวลามองคอมพิวเตอร์เราจะต้องใช้กล้ามเนื้อตาเพื่อดึงให้ตาขยับเข้าใกล้กันเพื่อมองภาพใกล้ และต้องเพ่งมากขึ้นเพื่อปรับโฟกัสของภาพให้ชัดขึ้นด้วย นอกจากนี้ เวลามองคอมพิวเตอร์เรายังต้องกลอกตาไปมาเพื่ออ่านข้อความ ทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานตลอดเวลาพร้อมๆกัน จึงเกิดการอ่อนล้าได้ โดยเฉพาะหากใช้สายตาต่อเนื่องนานกว่า 3 ชั่วโมงโดยไม่พักเลย จะทำให้เห็นภาพมัวหรือซ้อนได้ ปวดเบ้าตา และอาจมากจนปวดศีรษะร่วมด้วยก็ได้
ผลเสียของการติดหน้าจอ
ปัจจุบัน มีผู้คนใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จำนวนมากและแพร่หลาย ขณะที่แสงจากหน้าจอส่งผลกระทบมากมายที่หลายคนไม่รู้ ไม่เพียงแต่สมาร์ทโฟนเท่านั้นที่เป็นตัวปัญหา แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตก็ส่งผลเสียไม่แพ้กัน ยิ่งหลายคนทำงานกับหน้าจอทั้งวัน นอกเหนือเวลางานยังติดหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตอีก เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งแชททั้งแชร์ วันนี้เราก็มีผลเสียหลายอย่างมาเตือนภัยให้หลายคนได้รู้เพื่อลดการใช้งานลงตามความเหมาะสม
- ส่งผลเสียในด้านสายตา เช่น ตาแห้ง กล้ามเนื้อตาทำงานหนัก หรือจอรับตาที่ผิดปกติ
- ส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เช่น ปวดคอ บ่าไหล่ แขน นิ้วล็อค
- สมองตอบสนองกับการเล่นสมาร์ทโฟน กระตุ้นให้สมองเกิดความสุข ทำให้เกิดโรคติดสุข อยากเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ
- สมาธิสั้นลง ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน
- ทำให้เกิดโรคอ้วน เพราะไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย
- ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
- มีปัญหาด้านอารมณ์ เพราะไม่ค่อยเข้าสังคม อาจก่อให้เกิดอาการซึมเศร้า
- มีปัญหาการนอน แสงสีฟ้าจากเครื่องมือสื่อสาร ส่งผลต่อการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้นอนไม่หลับ
อาการของการเมื่อยล้าสายตาจากการจ้องจอนานๆ มีอะไรบ้าง ?
- ตาเมื่อยล้า
- ตาแห้ง แสบตา
- ตาสู้แสงไม่ได้
- ตาพร่ามัว
- ปวดศีรษะ
5 วิธี นวดตา บรรเทาอาการปวดจากการจ้องจอนานๆ
เพื่อให้ดวงตาของเราหายจากการปวดตารู้สึกอ่อนล้าหรือแสบตาเวลาเล่นคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ได้ดังนี้
วิธีที่ 1 :
นวดตาโดยใช้นิ้วมือทั้งสี่นิ้วกดลงบริเวณรอบดวงตาวนตามเข็มนาฬิกา ข้างละ 5-10นาที
วิธีที่ 2 :
ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางของมือทั้ง 2 กดขอบกระบอกตาบน แล้วค่อยๆดันนิ้วทั้งสามเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะจนถึงท้ายทอยคล้ายการเสยผม ทำ 10 ครั้ง
วิธีที่ 3 :
ประคบดวงตาด้วยฝ่ามือ โดยถูฝ่ามือทั้ง 2 ข้างจนรู้สึกร้อนจากนั้นหลับตาลงพร้อมทำมือเป็นรูปทรงคล้ายถ้วยมาประคบดวงตาทั้ง 2 ข้าง ทิ้งไว้สักครู่ ไออุ่นจากฝ่ามือคลายกล้ามเนื้อบริเวณดวงตาเวลานานๆ
วิธีที่ 4 :
บริหารสายตาด้วยการกลอกตา เพียงแค่หลับตาแล้วกลอกตาเป็นวงกลม จากซ้ายไปขวา และจากบนลงล่างประมาณ 1 นาที แล้วลืมตามองไปรอบๆ สักพัก ทำซ้ำจนกว่าจะหายปวดตา
วิธีที่ 5 :
ตบท้ายทอย คว่ำฝ่ามือแต่ละข้างปิดหู (มือซ้ายปิดหูซ้าย มือขวาปิดหูขวา) โดยวางนิ้วทั้งหมดบนท้ายทอยให้เสมอกัน สังเกตว่า ปลายนิ้วกลางทั้งสองจะจรดกันพอดี กระดกนิ้วขึ้นให้มากที่สุด แล้วตบลงบริเวณท้ายทอยพร้อมกันทั้ง 2 มือ โดยไม่ต้องยกมือออกจากหู ทำ 20 ครั้ง
อย่างไรก็ดี นี่เป็นวิธีแก้อาการปวดตาดีดีที่เอามาแนะนำกันในวันนี้ เอาไปลองใช้ดูรับรองว่าอาการปวดตาที่เกิดจากการจ้องคอม มือถือ แท็ปเล็ต นานๆของเราจะหายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว ดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญของเราทุกคน เราจึงควรถนอมสายตาของเราให้อยู่กับเราไปนานๆ หากวันใดตาของเราพล่ามัวลง มองเห็นอะไรไม่ค่อยชัด ชีวิตก็คงจะสนุกน้อยลงไปนิดหนึ่ง เพราะฉะนั้นอย่ามองว่าอาการปวดตาของเราเป็นเรื่องปกติ ถ้ารู้สึกปวดตาเมื่อไรให้รีบหาวิธีผ่อนคลายทันที เราจะได้ใช้ตาของเราคู่นี้ไปนานเท่านาน
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- ปวดเอวเวลานอน-สาเหตุการนอนไม่หลับ แก้ยังไงดี
- “ปวดหลังเรื้อรัง” 6 พฤติกรรมที่ทำให้คุณปวดหลังแบบไม่รู้ตัว
- “ฝังเข็ม” วิธีรักษาทางกายภาพบำบัดของโรคออฟฟิศซินโดรม