นอนหลับเป็นตะคริว เกิดจากอะไรกันแน่ เป็นภาวะอันตรายหรือไม่?
นอนหลับเป็นตะคริว เชื่อเหลือเกินว่าพอพูดถึงอาการนี้ขึ้นมา หลาย ๆ คนต้องรู้จักกันดีเพราะเคยประสบปัญหานี้มาก่อน หรืออาจจะกำลังประสบปัญหาอยู่ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าตะคริวนั้น แม้จะเกิดขึ้นง่ายกับผู้สูงอายุรวมถึงหญิงตั้งครรภ์ แต่ก็ใช่ว่าในกลุ่มอายุช่วงวัยรุ่น-กลางคนจะไม่สามารถเกิดได้เลย โดยในหลาย ๆ คนอาจต้องเผชิญกับตะคริวหลายครั้งต่อสัปดาห์หรือบางรายอาจมีอาการทุกวัน ซึ่งตะคริวตอนนอนกลางคืนนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดอาการปวด แต่ยังอาจส่งผลถึงคุณภาพการนอนหลับและการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย
นอนหลับเป็นตะคริว เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ รักษาได้หรือเปล่า?
โดยทั่วไป ผู้ที่เป็นตะคริวตอนนอนจะรู้สึกถึงกล้ามเนื้อหดเกร็งเป็นก้อนแข็งหรือเกิดการกระตุกอย่างกะทันหันและไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน โดยตะคริวมักเกิดขึ้นที่ขาบริเวณกล้ามเนื้อน่อง ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านหลังของขาแต่ละข้างตั้งแต่หัวเข่าจรดข้อเท้า และอาจมีผลต่อกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps) และต้นขาด้านหลังหรือแฮมสตริง (Hamstrings) ด้วย โดยจะพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายในช่วงอายุเดียวกัน
ตะคริว (Muscle Cramp) คืออะไร
ตะคริว คือ อาการที่กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งตัวค้างไว้ โดยเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดและทรมานเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่แล้วมักเกิดกับกล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง และกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า หากเป็นตอนกลางคืนทำให้ตื่นขึ้นมากลางดึก เรียกว่า ตะคริวตอนกลางคืน (Nocturnal Leg Cramps) ซึ่งมักเกิดกับคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ รวมถึงหญิงตั้งครรภ์
สาเหตุการเกิดตะคริวตอนกลางคืน
ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าตะคริวตอนกลางคืนเกิดจากสาเหตุใด แต่มีหลักฐานพบว่าอาจมีสาเหตุมาจากอาการกล้ามเนื้อล้า การทำงานผิดปกติของเส้นประสาท หรือการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่ดี มากกว่าเรื่องของระดับเกลือแร่และความผิดปกติอื่น ๆ ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดอาการได้ ดังนี้
- ดื่มน้ำน้อยระหว่างวัน
- การนั่งไขว่ห้างที่มีการกระดกข้อเท้าลงมากเกินไป
- การยืนหรือทำงานบนพื้นแข็งนานเกินไป
- มีการใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป เช่น ออกกำลังกายมากเกินไป
- นอน นั่ง หรือยืน ในท่าเดิมหรือท่าที่ไม่สะดวกเป็นระยะเวลานานจนเกินไป
- กล้ามเนื้อขาดความยืดหยุ่น มีการหดตึงตัวของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
- การทำงานผิดปกติของเส้นประสาท
- มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งหรือหลอดเลือดตีบตัน
ตะคริวเกิดขึ้นที่บริเวณใดได้บ้าง ?
หลายคนอาจชินกับการเกิดภาวะนี้บริเวณขาจนเข้าใจว่าตะคริวไม่สามารถเกิดขึ้นที่อื่นได้ แต่ในความเป็นจริงตะคริวสามารถเกิดขึ้นได้หลายจุด และแต่ละจุดยังสำคัญต่อการเคลื่อนไหว ได้แก่
ตะคริวบริเวณหน้าท้อง
จากโรคที่เกิดขึ้นในบริเวณท้อง เช่น ระบบย่อยอาหารอาจเกิดการติดเชื้อ หรือเกิดจากการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อท้องได้ด้วยเช่นกัน
ตะคริวบริเวณหลัง
เกิดจากการใช้แรงในขณะก้มมากเกินไปทั้งก้มยกของหนัก หรือการก้มนาน ๆ จะส่งผลให้เกิดอาการตะคริว หรืออาการปวดได้ นอกจากนี้อาการดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณว่ากระดูกสันหลังมีความผิดปกติอีกด้วย
ตะคริวบริเวณขา
พบได้มากจากการออกกำลังกาย เนื่องจากการใช้กล้ามเนื้อเกินความเหมาะสมจนเกิดอาการเกร็ง หรืออ่อนล้าโดยอาการที่อันตรายที่สุดคือ การเป็นตะคริวขณะว่ายน้ำ
วิธีบรรเทาตะคริวตอนนอนในเบื้องต้น
ส่วนใหญ่แล้วตะคริวตอนนอนมักไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์หรือขอความช่วยเหลือมากนัก เคล็ดลับที่นำไปปฏิบัติตามกันได้ง่าย ๆ เช่น
- คลายกล้ามเนื้อบริเวณที่เป็นตะคริวด้วยการนวดคลึงเบา ๆ
- ยืดกล้ามเนื้อ โดยเหยียดขาให้ตรง ค่อย ๆ กระดกข้อเท้าขึ้นให้ปลายนิ้วเท้าเข้าหาตัว
- ลุกขึ้นยืนแล้วเดินด้วยส้นเท้า
- ประคบร้อนในบริเวณที่เป็นตะคริวด้วยกระเป๋าน้ำร้อนหรือผ้าชุบน้ำร้อน หรือประคบเย็นด้วยผ้าเย็นหรือถุงน้ำแข็งที่ห่อด้วยผ้าขนหนูอีกหนึ่งชั้น
- ทานยาแก้ปวดที่หาซื้อตามร้านขายยาทั่วไปอย่างยาพาราเซตามอลหรือยาไอบูโพรเฟน เพื่อบรรเทาอาการปวดหลังเกิดตะคริว
อย่างไรก็ตาม หากตะคริวเกิดขึ้นถี่จนส่งผลต่อการนอนหลับ หรือตะคริวตอนนอนเป็นผลมาจากปัญหาสุขภาพใด ๆ หรืออาการของผู้ป่วยทวีความรุนแรงและเป็นนานหลายวัน ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและตรงจุดมากขึ้น
ควรเข้าพบแพทย์เมื่อไหร่?
เมื่อเกิดอาการตะคริวตอนกลางคืนขึ้นบ่อยครั้ง จนเริ่มรบกวนการนอน และทำการรักษาเบื้องต้นด้วยตัวเองแล้วอาการไม่ดีขึ้น รวมถึงมีอาการขาบวมแดงหรือผิวหนังเปลี่ยนแปลงไป หรือมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมด้วย ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจประเมิน วินิจฉัยแยกโรค และรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ แพทย์จะซักประวัติถึงอาการและประวัติการใช้ยา ตรวจร่างกายเพื่อค้นหาสาเหตุที่เป็นไปได้ รวมถึงอาจมีการเจาะเลือดเมื่อแพทย์สงสัยว่ามีปัญหาอย่างอื่นร่วมด้วย
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วิดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวิดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- กายภาพบําบัด กล้ามเนื้ออักเสบ รักษาได้ผลไหม ต้องทำต่อเนื่องหรือเปล่า?
- ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Myofascial Pain Syndrome)
- กล้ามเนื้ออักเสบ กินอะไรดี ให้ฟื้นฟูไว กลับมาใช้งานได้ปกติ