นวดแก้อาการปวดบ่า บ่าแข็งเป็นก้อน นวดอย่างไรให้ถูกวิธี?
นวดแก้อาการปวดบ่า บ่าแข็งเป็นก้อน เป็นอาการหนึ่งที่เกิดขึ้นจากภาวะออฟฟิศซินโดรม หรือโรคของคนวัยทำงาน เนื่องจากในปัจจุบัน ทำให้หนุ่มสาวส่วนใหญ่ต้องทำงานออนไลน์ และนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นหลัก ไม่ค่อยได้ลุกเดิน เคลื่อนไหวร่างกายสักเท่าไหร่ ยิ่งช่วงนี้ต้องทำงานแบบ Work Form Home ก็จะยิ่งทำให้เสี่ยงกับอาการออฟฟิศซินโดรมมากขึ้น ซึ่งหากปล่อยไปแบบนี้ จะไม่ได้ส่งผลเสียแค่ช่วงบริเวณบ่า หัวไหล เท่านั้น แต่ยังส่งผลข้างเคียงอื่นๆ ด้วย
นวดแก้อาการปวดบ่า บ่าแข็งเป็นก้อน มีวิธีนวดอย่างไร ให้ถูกต้อง?
อาการไหล่ตึง ปวดบ่า ปวดไหล่ เป็นอาการยอดฮิตอย่างหนึ่งของโรคออฟฟิศซินโดรม ส่วนหนึ่งเกิดจากการนั่งทำงานนานเกินไป หรือการนั่งทำงานผิดวิธี จนเกิดผลกระทบต่อร่างกายโดยเฉพาะส่วนของหลัง บ่าและไหล่ ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้งานอย่างหนักในแต่ละวัน หลายคนไม่มั่นใจว่า อาการตึงๆ ที่ไหล่ ปวดบ่า ปวดไหล่ของเรานั้นเป็นอาการทั่วไปจากการนั่งนานๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ หรือมีความผิดปกติจนเข้าข่ายปวดบ่า ปวดไหล่ ด้วยโรคออฟฟิศซินโดรมหรือไม่ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีสังเกตกันว่า ไหล่เรามีความแข็งตึงเพราะออฟฟิศซินโดรมหรือไม่
สาเหตุของ “บ่าตึง” เพราะออฟฟิศซินโดรม
อาการปวดตึงที่คอ บ่า และไหล่แบบเรื้อรัง สาเหตุของอาการนี้มาจากอะไร เรามีวิธีสังเกตง่ายๆ ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นานกว่า 8 ชั่วโมง อยู่กับกองเอกสารทั้งวัน แล้วมีอาการปวดตึงต้นคอ ปวดบ่า ปวดไหล่อยู่บ่อยๆ หรือบางทีปวดจนหันคอลำบาก ก้มก็คอลามมาจนถึงหลังล่าง ซึ่งก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นอาการของโรค Office Syndromeอาการออฟฟิศซินโดรมอื่นๆ ที่มักพบร่วม
อาการปวดไหล่นั้น เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของโรคออฟฟิศซินโดรมเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้ว ยังมีอีกหลายอาการมากที่ยังสามารถพบได้ เนื่องจากภาวะโรคนี้ส่งผลต่อหลายๆ ส่วนของร่างกายนั่นเอง ซึ่งอาการเหล่านั้นประกอบด้วยอาการปวดหัวเรื้อรัง
อาการปวดหัวเรื้อรัง หรือบางทีมีอาการปวดหัวไมเกรนร่วมด้วย สาเหตุเกิดจากความเครียดในการทำงาน หรือการใช้สายตาในการทำงานเป็นเวลานาน เช่น การอ่านเอกสาร การใช้สายตาจ้องหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แสงบริเวณโต๊ะทำงานไม่เพียงพอ หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อมในวันที่ทำงานที่วุ่นวาย ไม่สงบ อาจจะทำให้คุณเกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัวอาการปวดหลัง
อาการปวดหลังนั้น สังเกตได้ง่ายๆเลย เพราะเป็นอาการยอดฮิตอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ สาเหตุของโรคนี้เกิดจากการที่เรานั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานๆทั้งวัน หรือเป็นงานที่ต้องยืนนานๆ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงเป็นประจำนั้น อาการของการปวดหลังนั้นคงจะหลีกเลี่ยงได้ยาก
ปวดแขน มือชา นิ้วล็อค
สาเหตุของอาการนี้เกิดจากการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เส้นเอ็นนิ้วมือ ซึ่งมาจากการที่เราใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ในการจับเมาส์ พิมพ์เอกสารในท่าเดิมๆเป็นเวลานานๆ จึงทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทจนเกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นจึงเป็นจำนวนมาก ทำให้ปวดปลายประสาท นิ้วล็อค หรือข้อมือล็อคได้
อาการปวด ตึงที่ขา หรือเหน็บชา
ลองสังเกตอาการนี้ง่ายๆ ว่าคุณเป็นเหน็บชาบ่อยหรือเปล่า หรืออยู่ดีๆขาไม่มีแรง อาการเหล่านี้เกิดจากการนั่งทำงานนานๆทำให้เส้นเลือดดำถูกกดทับและส่งผลให้เลือดไหลเวียนผิดปกติจึงเกิดอาการเหน็บชาได้ง่าย หากมีอาการแต่ไม่รีบรักษาปล่อยไว้ในระยะเวลานาน อาจเกิดอาการชาลามไปถึงเท้า ขาไร้เรี่ยวแรงแล้วล่ะก็ การเดินของท่านอาจจะถึงขั้นทรุด เดินไม่ได้เลยก็เป็นได้
วิธีสังเกตว่า ไหล่ตึง เกินไปหรือเปล่า?
อาการ ปวดบ่า ปวดไหล่ หรือรู้สึกตึงจากการนั่งทำงานนานๆ เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน เพราะในแต่ละวันเราใช้บ่าและไหล่ ในการนั่งทำงานเป็นระยะเวลานานๆ ดังนั้น เราจึงควรหันมาใส่ใจดูแลบ่าและไหล่ของเรามากขึ้น โดยการสังเกตว่า บ่าและไหล่ของเราที่เริ่มมีอาการปวดตึงนั้น ปวดตึงในระดับใดและควรจะดูแลรักษายังไงให้ดีขึ้น สามารถสังเกตได้จาก 4 วิธี ดังนี้
1. ยืนหลังติดกำแพง
เริ่มต้นด้วยการยืนตัวตรง ผ่อนคลายสบายๆ เท้าทั้งสองข้างกางออกเล็กน้อย ความกว้างเท่ากับระดับความกว้างของหัวไหล่ จัดระเบียบร่างกายให้อยู่ในแนวตรง และรู้สึกสบาย
2. ยกแขนซ้ายหรือขวายกทำมุม 90 องศากับลำตัว
การเช็กอาการปวดบ่าและปวดไหล่ ต้องทำทีละข้าง ดังนั้นหากเราต้องการเช็กอาการของไหล่ขวาและบ่าด้านขวา ให้ยกแขนขวาขึ้นด้านข้างลำตัว โดยจัดระเบียบให้แขนแนบชิดกับผนังทำมุม 90 องศาหรือตั้งฉากกับลำตัว ขณะยกแขนให้คว่ำมือลง สังเกตความรู้สึกตึงของบ่าและไหล่ขวา แล้วจึงสลับไปทำด้านซ้ายอีกครั้ง
3.ยกแขนข้างดังกล่าวขึ้นไปเรื่อยๆ ขนาบไปกับกำแพง
เมื่อยกแขนแนบชิดกำแพงอยู่ในระดับ 90 องศาได้แล้ว ให้ค่อยๆ ยกแขนข้างดังกล่าวสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยจัดระเบียบร่างกายให้ลำตัวตรงและสมดุล ขณะยกแขนขึ้นให้แขนแนบชิดกับกำแพงไปเรื่อยๆ แล้วสังเกตอาการ หรือความรู้สึกว่าเมื่อเรายกแขนถึงระดับใด เรารู้สึกปวดตึงอย่างไร รวมทั้งสังเกตว่าเราสามารถยกแขนได้ในระดับไหน4.เช็กระดับอาการปวดบ่า ปวดไหล่ จากองศาของแขน
- แขนทำมุมได้น้อยกว่าหรือเท่ากับ45 องศา
- แขนทำมุมได้ 45-60 องศา
- แขนทำมุมได้มากกว่า 60 องศา
3 วิธีนวดบริเวณบ่า และ ไหล่ ให้ถูกต้องและบรรเทาอาการปวดได้จริง
เนื่องจากหลายๆ คนใช้วิธีนวดในการบรรเทาอาการปวดบ่ามาหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผล นั่นอาจเป็นเพราะอาจจะยังนวดไม่ถูกวิธีและถูกจุด จึงทำให้อาการยังไม่ดีขึ้น ดังนั้น ผู้อ่านอาจเริ่มจาก 3 ขั้นตอนนี้ เพื่อทำให้อาการปวดบ่าดีขึ้น1.ใช้ปลายนิ้วมือขวาบีบไหล่ซ้าย ไล่จากบ่าเข้าหาต้นคอ ใช้ปลายนิ้วมือซ้ายบีบไหล่ขวา ไล่จากบ่าเข้าหาต้นคอ ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
2. บ่าด้านหน้า ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดใต้กระดูกไหปลาร้า จุดต้นแขน และจุดเหนือรักแร้ ของบ่าซ้าย ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายกดจุดเดียวกันที่บ่าขวา ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
3.บ่าด้านหลัง ใช้นิ้วที่ถนัดของมือขวาอ้อมไปกดจุดบนและจุดกลางของกระดูกสะบัก และจุดรักแร้ด้านหลังของบ่าซ้าย ใช้นิ้วที่ถนัดของมือซ้ายกดจุดเดียวกันที่บ่าขวา ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
5 ท่าบริหารป้องกันบ่า ไหล่ ตึง
สำหรับการออกกำลังกายเพื่อลดความตึงตัวและป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงตัว สามารถทำได้ง่ายๆ ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน หรือออฟฟิศ ซึ่งมีทั้งท่าที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์และที่ต้องใช้อุปกรณ์ เพื่อความหลากหลายในการออกกำลังกายที่ทำให้ไม่น่าเบื่อ จะมีท่าอะไรบ้างไปดูกันเลย1. ท่ายืดกล้ามเนื้อไหล่ด้านข้าง
ยืนตัวตรง ผ่อนคลายสบายๆ ชูแขนขึ้นทั้งสองข้าง แล้วพับแขนข้างใดข้างหนึ่งลงแตะที่หลังท้ายทอย และแขนอีกข้างแตะตรงศอกแล้วออกแรงดึงให้กล้ามเนื้อแขนและไหล่ด้านข้างรู้สึกตึง โดยยืดให้แค่รู้สึกตึงไม่เจ็บ2. ยืดกล้ามเนื้อสะบัก
ยืนตัวตรง นำแขนข้างที่จะยืดพาดมาทางด้านหน้าอก แล้วเอาแขนอีกข้างมาล็อคตรงศอกไว้ แล้วออกแรงดึงกล้ามเนื้อสะบักให้รู้สึกตึง จากนั้นทำสลับอีกฝั่ง3. ท่ายืดกล้ามเนื้อไหล่ จากด้านหลัง
ท่านี้ให้เริ่มจากยืดหรือนั่งตัวตรง ผ่อนคลายให้สบาย แล้วอ้อมมือข้างหนึ่งไปด้านหลัง แล้วจับยางยืดออกกำลังกายไว้ จากนั้นนำมืออีกข้างมาด้านหลังเช่นกันและจับปลายยางยืดอีกฝั่งจากนั้นชูแขนขึ้นเหนือศีรษะพร้อมยางยืด เป็นการบริหารกล้ามเนื้อไหล่และหลังส่วนบน โดยให้พยายามออกแรงดึงยางยืดให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้4. ท่าเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อสะบัก
ยืนตัวตรง ผ่อนคลายสบายๆ เท้าทั้งสองข้างกางออกเล็กน้อย มือสองข้างกำยางยืดออกกำลังกายที่ระดับหน้าอก หายใจเข้า ดึงยางยืดแยกออกจากกันช้าๆ แล้วหายใจออก ผ่อนยางยืดกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม5. ท่าเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อกางแขน
ในเวลาที่นั่งทำงานนานๆ เราสามารถปรับเปลี่ยนอิริยาบถง่ายๆ ด้วยการใช้ยางยืดออกกำลังกาย โดยเท้าข้างหนึ่งเหยียบห่วงแนบติดพื้น แขนแนบลำตัวตั้งฉากกับพื้น แล้วจึงออกแรงดึงยางขึ้นลงเพื่อบริหารช่วงแขนและหัวไหล่ อย่างไรก็ดี แม้วิธีการนวดที่กล่าวมาจะเป็นวิธีนวดด้วยตัวเองง่ายๆ แต่ก็มีข้อควรระวังไว้ รวมไปถึงการเข้าร้านนวดแผนไทยต่างๆ เพราะการนวดแม้จะมีประโยชน์แต่ถ้านวดผิด วิธีหรือนวดในขณะที่สภาพร่างกายไม่เหมาะก็จะก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ ดังนั้น ทุกคนต้องพึงระวัง หากกังวลว่าตนเองจะนวดผิดวิธี ก็ควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญดีกว่า เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยนั่นเอง
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- ปวดเอวเวลานอน-สาเหตุการนอนไม่หลับ แก้ยังไงดี
- “ปวดหลังเรื้อรัง” 6 พฤติกรรมที่ทำให้คุณปวดหลังแบบไม่รู้ตัว
- “ฝังเข็ม” วิธีรักษาทางกายภาพบำบัดของโรคออฟฟิศซินโดรม