NEWTONEM
×
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
    • เรื่องราวคลินิก
    • ทำไมถึงควรให้เราดูแล
    • สิ่งที่เราแตกต่าง
    • ทีมของเรา
    • ร่วมเป็นทีมเดียวกัน
  • บริการคลินิก
    • บริการรักษาของคลินิก
    • คอร์สอบรมออนไลน์
  • อาการปวด
    • ตามส่วนของร่างกาย
    • ตามประเภทการปวด
    • ตามประเภทกีฬา
  • สาขา
    • สาขาพระราม 6
    • สาขาลาดพร้าว
    • สาขาทองหล่อ
    • สาขากาญจนาภิเษก
    • สาขารามคำแหง
    • สาขาราชพฤกษ์
  • บทความ
  • ผู้ป่วยใหม่
  • ติดต่อเรา
    • ติดต่อเรา
    • คำถามพบบ่อย
    • คนไข้ใหม่
    • เข้าสู่ระบบสมาชิก
  • English
  • 0 items

นวดแก้อาการปวดบ่า บ่าแข็งเป็นก้อน นวดอย่างไรให้ถูกวิธี?

นวดแก้อาการปวดบ่า บ่าแข็งเป็นก้อน นวดอย่างไรให้ถูกวิธี?
อาการปวดแขน ปวดไหล่

นวดแก้อาการปวดบ่า บ่าแข็งเป็นก้อน เป็นอาการหนึ่งที่เกิดขึ้นจากภาวะออฟฟิศซินโดรม หรือโรคของคนวัยทำงาน เนื่องจากในปัจจุบัน ทำให้หนุ่มสาวส่วนใหญ่ต้องทำงานออนไลน์ และนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นหลัก ไม่ค่อยได้ลุกเดิน เคลื่อนไหวร่างกายสักเท่าไหร่ ยิ่งช่วงนี้ต้องทำงานแบบ Work Form Home ก็จะยิ่งทำให้เสี่ยงกับอาการออฟฟิศซินโดรมมากขึ้น ซึ่งหากปล่อยไปแบบนี้ จะไม่ได้ส่งผลเสียแค่ช่วงบริเวณบ่า หัวไหล เท่านั้น แต่ยังส่งผลข้างเคียงอื่นๆ ด้วย

นวดแก้อาการปวดบ่า บ่าแข็งเป็นก้อน นวดอย่างไรให้ถูกวิธี?

นวดแก้อาการปวดบ่า บ่าแข็งเป็นก้อน มีวิธีนวดอย่างไร ให้ถูกต้อง?

อาการไหล่ตึง ปวดบ่า ปวดไหล่ เป็นอาการยอดฮิตอย่างหนึ่งของโรคออฟฟิศซินโดรม ส่วนหนึ่งเกิดจากการนั่งทำงานนานเกินไป หรือการนั่งทำงานผิดวิธี จนเกิดผลกระทบต่อร่างกายโดยเฉพาะส่วนของหลัง บ่าและไหล่ ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้งานอย่างหนักในแต่ละวัน หลายคนไม่มั่นใจว่า อาการตึงๆ ที่ไหล่ ปวดบ่า ปวดไหล่ของเรานั้นเป็นอาการทั่วไปจากการนั่งนานๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ หรือมีความผิดปกติจนเข้าข่ายปวดบ่า ปวดไหล่ ด้วยโรคออฟฟิศซินโดรมหรือไม่ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีสังเกตกันว่า ไหล่เรามีความแข็งตึงเพราะออฟฟิศซินโดรมหรือไม่

สาเหตุของ “บ่าตึง” เพราะออฟฟิศซินโดรม

อาการปวดตึงที่คอ บ่า และไหล่แบบเรื้อรัง สาเหตุของอาการนี้มาจากอะไร เรามีวิธีสังเกตง่ายๆ ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นานกว่า 8 ชั่วโมง อยู่กับกองเอกสารทั้งวัน แล้วมีอาการปวดตึงต้นคอ ปวดบ่า ปวดไหล่อยู่บ่อยๆ หรือบางทีปวดจนหันคอลำบาก ก้มก็คอลามมาจนถึงหลังล่าง ซึ่งก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นอาการของโรค Office Syndrome

อาการออฟฟิศซินโดรมอื่นๆ ที่มักพบร่วม

อาการปวดไหล่นั้น เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของโรคออฟฟิศซินโดรมเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้ว ยังมีอีกหลายอาการมากที่ยังสามารถพบได้ เนื่องจากภาวะโรคนี้ส่งผลต่อหลายๆ ส่วนของร่างกายนั่นเอง ซึ่งอาการเหล่านั้นประกอบด้วย

อาการปวดหัวเรื้อรัง 

อาการปวดหัวเรื้อรัง หรือบางทีมีอาการปวดหัวไมเกรนร่วมด้วย สาเหตุเกิดจากความเครียดในการทำงาน หรือการใช้สายตาในการทำงานเป็นเวลานาน เช่น การอ่านเอกสาร การใช้สายตาจ้องหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แสงบริเวณโต๊ะทำงานไม่เพียงพอ หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อมในวันที่ทำงานที่วุ่นวาย ไม่สงบ อาจจะทำให้คุณเกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว

อาการปวดหลัง

อาการปวดหลังนั้น สังเกตได้ง่ายๆเลย เพราะเป็นอาการยอดฮิตอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ สาเหตุของโรคนี้เกิดจากการที่เรานั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานๆทั้งวัน หรือเป็นงานที่ต้องยืนนานๆ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงเป็นประจำนั้น อาการของการปวดหลังนั้นคงจะหลีกเลี่ยงได้ยาก

ปวดแขน มือชา นิ้วล็อค

สาเหตุของอาการนี้เกิดจากการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เส้นเอ็นนิ้วมือ ซึ่งมาจากการที่เราใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ในการจับเมาส์ พิมพ์เอกสารในท่าเดิมๆเป็นเวลานานๆ จึงทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทจนเกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นจึงเป็นจำนวนมาก ทำให้ปวดปลายประสาท นิ้วล็อค หรือข้อมือล็อคได้

อาการปวด ตึงที่ขา หรือเหน็บชา

ลองสังเกตอาการนี้ง่ายๆ ว่าคุณเป็นเหน็บชาบ่อยหรือเปล่า หรืออยู่ดีๆขาไม่มีแรง อาการเหล่านี้เกิดจากการนั่งทำงานนานๆทำให้เส้นเลือดดำถูกกดทับและส่งผลให้เลือดไหลเวียนผิดปกติจึงเกิดอาการเหน็บชาได้ง่าย หากมีอาการแต่ไม่รีบรักษาปล่อยไว้ในระยะเวลานาน อาจเกิดอาการชาลามไปถึงเท้า ขาไร้เรี่ยวแรงแล้วล่ะก็ การเดินของท่านอาจจะถึงขั้นทรุด เดินไม่ได้เลยก็เป็นได้

วิธีสังเกตว่า ไหล่ตึง เกินไปหรือเปล่า?

อาการ ปวดบ่า ปวดไหล่ หรือรู้สึกตึงจากการนั่งทำงานนานๆ เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน เพราะในแต่ละวันเราใช้บ่าและไหล่ ในการนั่งทำงานเป็นระยะเวลานานๆ ดังนั้น เราจึงควรหันมาใส่ใจดูแลบ่าและไหล่ของเรามากขึ้น โดยการสังเกตว่า บ่าและไหล่ของเราที่เริ่มมีอาการปวดตึงนั้น ปวดตึงในระดับใดและควรจะดูแลรักษายังไงให้ดีขึ้น สามารถสังเกตได้จาก 4 วิธี ดังนี้

1. ยืนหลังติดกำแพง

เริ่มต้นด้วยการยืนตัวตรง ผ่อนคลายสบายๆ เท้าทั้งสองข้างกางออกเล็กน้อย ความกว้างเท่ากับระดับความกว้างของหัวไหล่ จัดระเบียบร่างกายให้อยู่ในแนวตรง และรู้สึกสบาย

2. ยกแขนซ้ายหรือขวายกทำมุม 90 องศากับลำตัว

การเช็กอาการปวดบ่าและปวดไหล่ ต้องทำทีละข้าง ดังนั้นหากเราต้องการเช็กอาการของไหล่ขวาและบ่าด้านขวา ให้ยกแขนขวาขึ้นด้านข้างลำตัว โดยจัดระเบียบให้แขนแนบชิดกับผนังทำมุม 90 องศาหรือตั้งฉากกับลำตัว ขณะยกแขนให้คว่ำมือลง สังเกตความรู้สึกตึงของบ่าและไหล่ขวา แล้วจึงสลับไปทำด้านซ้ายอีกครั้ง

3.ยกแขนข้างดังกล่าวขึ้นไปเรื่อยๆ ขนาบไปกับกำแพง

เมื่อยกแขนแนบชิดกำแพงอยู่ในระดับ 90 องศาได้แล้ว ให้ค่อยๆ ยกแขนข้างดังกล่าวสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยจัดระเบียบร่างกายให้ลำตัวตรงและสมดุล ขณะยกแขนขึ้นให้แขนแนบชิดกับกำแพงไปเรื่อยๆ แล้วสังเกตอาการ หรือความรู้สึกว่าเมื่อเรายกแขนถึงระดับใด เรารู้สึกปวดตึงอย่างไร รวมทั้งสังเกตว่าเราสามารถยกแขนได้ในระดับไหน

4.เช็กระดับอาการปวดบ่า ปวดไหล่ จากองศาของแขน

  • แขนทำมุมได้น้อยกว่าหรือเท่ากับ45 องศา
ระดับนี้แปลว่าบ่าไหล่มีความตึงมาก กระดูกสะบักติดขัด ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวและสมดุลของร่างกาย จำเป็นต้องรักษาหรือบรรเทาอาการด้วยการบริหารกล้ามเนื้อบ่าและไหล่ หรือทำกายภาพบำบัดหากรู้สึกเจ็บปวดรุนแรง
  • แขนทำมุมได้ 45-60 องศา
ระดับนี้ ถือว่ามีการที่เคลื่อนไหวไหล่และบ่าได้ดีกว่าระดับแรก แต่ก็ยังคงมีอาการไหล่ติดหรือรู้สึกปวดเมื่อย ตึงบริเวณบ่าและไหล่อยู่บ้าง ควรจะหาเวลาในการบริหารร่างกายหรือยืดเหยียดร่างกายเพื่อคลายความตึงและเมื่อยล้า
  • แขนทำมุมได้มากกว่า 60 องศา
ยินดีด้วยค่ะ นี่แปลว่าคอบ่าไหล่ของคุณอยู่ในสภาวะปกติ มีความยืดหยุ่นดี ไม่มีปัญหาที่ต้องรักษาอาการ แต่ก็ไม่ควรประมาท ควรจะดูแลสุขภาพและทำกายบริหารอยู่เสมอด้วยเช่นกัน

3 วิธีนวดบริเวณบ่า และ ไหล่ ให้ถูกต้องและบรรเทาอาการปวดได้จริง

เนื่องจากหลายๆ คนใช้วิธีนวดในการบรรเทาอาการปวดบ่ามาหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผล นั่นอาจเป็นเพราะอาจจะยังนวดไม่ถูกวิธีและถูกจุด จึงทำให้อาการยังไม่ดีขึ้น ดังนั้น ผู้อ่านอาจเริ่มจาก 3 ขั้นตอนนี้ เพื่อทำให้อาการปวดบ่าดีขึ้น

1.ใช้ปลายนิ้วมือขวาบีบไหล่ซ้าย ไล่จากบ่าเข้าหาต้นคอ ใช้ปลายนิ้วมือซ้ายบีบไหล่ขวา ไล่จากบ่าเข้าหาต้นคอ ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง

2. บ่าด้านหน้า ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดใต้กระดูกไหปลาร้า จุดต้นแขน และจุดเหนือรักแร้ ของบ่าซ้าย ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายกดจุดเดียวกันที่บ่าขวา ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง

3.บ่าด้านหลัง ใช้นิ้วที่ถนัดของมือขวาอ้อมไปกดจุดบนและจุดกลางของกระดูกสะบัก และจุดรักแร้ด้านหลังของบ่าซ้าย ใช้นิ้วที่ถนัดของมือซ้ายกดจุดเดียวกันที่บ่าขวา ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง

5 ท่าบริหารป้องกันบ่า ไหล่ ตึง 

สำหรับการออกกำลังกายเพื่อลดความตึงตัวและป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงตัว สามารถทำได้ง่ายๆ ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน หรือออฟฟิศ ซึ่งมีทั้งท่าที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์และที่ต้องใช้อุปกรณ์ เพื่อความหลากหลายในการออกกำลังกายที่ทำให้ไม่น่าเบื่อ จะมีท่าอะไรบ้างไปดูกันเลย

     1. ท่ายืดกล้ามเนื้อไหล่ด้านข้าง

ยืนตัวตรง ผ่อนคลายสบายๆ ชูแขนขึ้นทั้งสองข้าง แล้วพับแขนข้างใดข้างหนึ่งลงแตะที่หลังท้ายทอย และแขนอีกข้างแตะตรงศอกแล้วออกแรงดึงให้กล้ามเนื้อแขนและไหล่ด้านข้างรู้สึกตึง โดยยืดให้แค่รู้สึกตึงไม่เจ็บ

      2. ยืดกล้ามเนื้อสะบัก

ยืนตัวตรง นำแขนข้างที่จะยืดพาดมาทางด้านหน้าอก แล้วเอาแขนอีกข้างมาล็อคตรงศอกไว้ แล้วออกแรงดึงกล้ามเนื้อสะบักให้รู้สึกตึง จากนั้นทำสลับอีกฝั่ง

      3. ท่ายืดกล้ามเนื้อไหล่ จากด้านหลัง

ท่านี้ให้เริ่มจากยืดหรือนั่งตัวตรง ผ่อนคลายให้สบาย แล้วอ้อมมือข้างหนึ่งไปด้านหลัง แล้วจับยางยืดออกกำลังกายไว้ จากนั้นนำมืออีกข้างมาด้านหลังเช่นกันและจับปลายยางยืดอีกฝั่งจากนั้นชูแขนขึ้นเหนือศีรษะพร้อมยางยืด เป็นการบริหารกล้ามเนื้อไหล่และหลังส่วนบน โดยให้พยายามออกแรงดึงยางยืดให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

      4. ท่าเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อสะบัก

ยืนตัวตรง ผ่อนคลายสบายๆ เท้าทั้งสองข้างกางออกเล็กน้อย มือสองข้างกำยางยืดออกกำลังกายที่ระดับหน้าอก หายใจเข้า ดึงยางยืดแยกออกจากกันช้าๆ แล้วหายใจออก ผ่อนยางยืดกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม

      5. ท่าเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อกางแขน

ในเวลาที่นั่งทำงานนานๆ เราสามารถปรับเปลี่ยนอิริยาบถง่ายๆ ด้วยการใช้ยางยืดออกกำลังกาย โดยเท้าข้างหนึ่งเหยียบห่วงแนบติดพื้น แขนแนบลำตัวตั้งฉากกับพื้น แล้วจึงออกแรงดึงยางขึ้นลงเพื่อบริหารช่วงแขนและหัวไหล่
 อย่างไรก็ดี แม้วิธีการนวดที่กล่าวมาจะเป็นวิธีนวดด้วยตัวเองง่ายๆ แต่ก็มีข้อควรระวังไว้ รวมไปถึงการเข้าร้านนวดแผนไทยต่างๆ เพราะการนวดแม้จะมีประโยชน์แต่ถ้านวดผิด วิธีหรือนวดในขณะที่สภาพร่างกายไม่เหมาะก็จะก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ ดังนั้น ทุกคนต้องพึงระวัง หากกังวลว่าตนเองจะนวดผิดวิธี ก็ควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญดีกว่า เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยนั่นเอง
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง

บทความที่น่าสนใจ

  • ปวดเอวเวลานอน-สาเหตุการนอนไม่หลับ แก้ยังไงดี
  • “ปวดหลังเรื้อรัง” 6 พฤติกรรมที่ทำให้คุณปวดหลังแบบไม่รู้ตัว
  • “ฝังเข็ม” วิธีรักษาทางกายภาพบำบัดของโรคออฟฟิศซินโดรม

ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม

Newton Em Clinic เป็นคลินิกกายภาพที่มุ่งเน้นการบริการทางด้านกายภาพบำบัดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ออฟฟิศซินโดรม และอาการปวดตามส่วนต่างๆ เช่นหลัง บ่า เข่า และข้อ เป็นต้น ด้วยบริการต่างๆ ดังนี้ กายภาพบำบัดทั่วไป กายภาพบำบัดหลังผ่าตัด การรักษาอาการบาดเจ็บทางกีฬา นวดการกีฬา โปรแกรมยืดกล้ามเนื้อ โปรแกรมเตรียมความพร้อมให้กับนักกีฬาก่อนแข่ง โปรแกรมฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังแข่ง การตรวจโครงสร้างทางร่างกาย โปรแกรมออกกำลังกายในน้ำ โปรแกรมออกกำลังกายรักษาอาการปวดพิลาทิส รับปรึกษาแผนการพัฒนาความคิดและพฤติกรรมสำหรับเด็ก และกายภาพบำบัดในท่อน้ำนมอุดตันสำหรับหญิงหลังคลอด ซึ่งเรามีความรู้ในการดูแลและประสบการณ์ด้านการรักษา เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายตามมาตรฐานด้วยเทคนิคเฉพาะทาง พร้อมทั้งสามารถให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพจากทีมนักกายภาพบำบัดที่มีประสบการณ์โดยตรง เหมาะสำหรับกลุ่มนักกีฬา ผู้ที่ออกกำลังกาย และผู้ที่มีภาวะจำเป็นที่ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดเช่น กายภาพบำบัดหลังการผ่าตัด คุณแม่หลังคลอดและผู้สูงอายุ 

ปัจจุบันเรามีคลินิกที่พร้อมให้บริการจำนวน 6 สาขา โดยแต่ละสาขาจะมีการให้บริการ การรักษาขั้นพื้นฐานที่เหมือนกัน และยังมีการให้บริการที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางของแต่ละสาขา โดยนักกายภาพที่มีประสบการณ์และผ่านการอบรมเฉพาะด้านเพื่อผลิตผู้รักษาให้ตรงตามอาการของผู้ป่วยทุกคน คลินิก Newton Em พร้อมให้บริการจำนวน 6 สาขา

  • สาขาลาดพร้าว เบอร์โทร 099-553-9445
  • สาขาทองหล่อ เบอร์โทร 099-553-9445
  • สาขากาญจนาภิเษก เบอร์โทร 099-553-9445, 083-559-5954
  • สาขาพระราม 6 เบอร์โทร 099-553-9445
  • สาขารามคำแหง เบอร์โทร 099-553-9445, 02-115-5353
  • สาขาราชพฤกษ์ เบอร์โทร 096-264-4250

เวลาทำการ: วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 10:00 น. – 19:00 น.

ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม

Tel: 099-553-9445

ปรึกษา หรือ ติดตามความรู้สุขภาพอื่นๆได้ตามช่องทางด้านล่าง

   facebook_นิวตั้น_เอ็ม_คลินิกกายภาพบำบัด_รักษาอาการปวด_newton_em_physio_physical_therapy_clinic   Youtube_นิวตั้น_เอ็ม_คลินิกกายภาพบำบัด_รักษาอาการปวด_newton_em_physio_physical_therapy_clinic   instagram_นิวตั้น_เอ็ม_คลินิกกายภาพบำบัด_รักษาอาการปวด_newton_em_physio_physical_therapy_clinic

 
 
 

Add Comment Cancel


Newton-EM-_โลโก้ขาว_compressed

About US

At Newton Em Clinic, our experienced therapists are able to treat a variety of different injuries and conditions. If you have any specific questions, Please do not hesitate to contact our therapists.

ข่าวสารล่าสุด

  • วิ่งแล้วน่องตึง ยืดท่าไหนให้วิ่งสบายได้กว่าเดิม? เม.ย. 28

    “วิ่...

  • วิ่งแล้วเจ็บน่อง วิธีแก้ ง่าย ๆ ที่นักวิ่งต้องรู้ ฟื้นฟูได้ไว วิ่งได้เหมือนเดิม เม.ย. 28

    วิ่งแล้วเจ...

  • รักษาอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง บริเวณกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อเข่า เม.ย. 28

    รักษาอาการ...

ความรู้สุขภาพล่าสุด

  • วิ่งแล้วน่องตึง ยืดท่าไหนให้วิ่งสบายได้กว่าเดิม?
  • วิ่งแล้วเจ็บน่อง วิธีแก้ ง่าย ๆ ที่นักวิ่งต้องรู้ ฟื้นฟูได้ไว วิ่งได้เหมือนเดิม
  • รักษาอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง บริเวณกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อเข่า
  • เตรียมตัวก่อนวิ่งมาราธอน สำหรับนักกีฬามือใหม่ วิ่งยังไงให้ปลอดภัย?
  • รักษากล้ามเนื้ออักเสบ ที่ไหนดี-Newton Em Clinic คำตอบของทุกคน

⭐⭐⭐⭐⭐

Rating: 5 out of 5.
Copyright ©2020 Newtonemclinic all rights reserved
นโยบาย ความเป็นส่วนตัว ข้อตกลงการใช้เว็บไซต์