ปวดหัวจี๊ดๆตรงกลาง อาการเล็ก ๆ ที่อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่หากไม่รักษา
ปวดหัวจี๊ดๆตรงกลาง หัว เป็นอาการที่หลาย ๆ คนอาจกำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ แม้จะเป็นอาการที่เป็น ๆ หาย ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่อันตราย เนื่องจากอาการปวดเฉพาะบางบริเวณแบบนี้อาจเป็นสัญญาณของโรคบางโรคก็เป็นได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว อาการปวดหัวถือเป็นอาการยอดฮิตที่คนในยุคนี้หลาย ๆ คนประสบปัญหาอยู่ เนื่องจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานออฟฟิศหรือนั่งทำงานาน ๆ ที่อาจมีอาการปวดหัวจากภาวะออฟฟิซซินโดรมได้ โดยนี่เป็นเพียงหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวเท่านั้น
ปวดหัวจี๊ดๆตรงกลาง ศีรษะเกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ สามารถกลายเป็นโรคร้ายแรงได้หรือเปล่า?
ปวดหัว เป็นอาการที่มีสัดส่วนมากที่สุดที่คนไข้จะเดินเข้ามาในแผนกอายุรกรรมสมอง และระบบประสาท สาเหตุอาจจะเกิดจากการดำเนินชีวิตในสังคมสมัยใหม่ที่เปลี่ยนไป ทุกคนต่างเร่งรีบ อาจมีความเครียดและอดนอน แต่อาการปวดศีรษะไม่ได้เกิดจากแค่ความเครียดหรืออดนอนก็ได้ อาจจะเป็นอาการนำของโรคอันตราย พิการหรือเสียชีวิตก็ได้
อาการปวดศีรษะเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย ส่วนมากจะพบในวัยทำงาน วัยกลางคนจนกระทั่งไปถึงผู้สูงอายุ และแต่ละช่วงอายุสัดส่วนของโอกาสน่าจะเป็นโรคต่างๆ ก็แตกต่างกัน เช่น ในวัยทำงานอาจจะเจอโรคที่ไม่อันตราย วัยสูงอายุขึ้นไปจะเจอโรคอันตรายมากกว่า
ปวดหัวจี๊ดๆ เกิดจากอะไร ได้บ้าง มาดูกัน…
อาการปวดศีรษะ นั้น อาจมีสาเหตุจาก…
- ปวดหัวจากการใช้งาน คือปวดกล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆศีรษะ สัมพันธ์กับการใช้งานสายตา หากมีเส้นประสาทอักเสบร่วมด้วย อาจปวดแบบจี๊ดๆได้
- ปวดไมเกรน มักปวดข้างเดียว มีคลื่นไส้
- ปวดจากอาการในสมอง เช่นมีเนื้องอกในสมอง มักจะต้องปวดรุนแรง ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ปวดมากตอนเช้าและมีอาเจียนพุ่ง
ซึ่งการจะแยกได้ว่าเป็นปวดจากสาเหตุใด จำเป็นต้องตรวจร่างกายทางระบบประสาทร่วมด้วย แนะนำว่าถ้าปวดมาก แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ปวดจนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก ปวดจนทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ ให้รีบไปพบแพทย์
ลักษณะอาการแบบทั่วไป
ลักษณะอาการแสดงของภาวะปวดศีรษะเช่นนี้ สามารถแบ่งออกได้หลายรูปแบบ เช่น…
- ตุบๆ คล้ายๆ ตุบ ตุบ ตุบ เป็นตามจังหวะหัวใจเต้น บ่งไปโรคอะไรบ้าง เช่น โรคหลอดเลือด ไมเกรนก็ได้
- อาการปวดหัวจี๊ดๆ เป็นพักๆ
- ปวดหัวตรงกลางหัว
- ปวดหัวจี๊ดๆ จุดเดียว
- ปวดหัวตรงกลางกระหม่อม
- แหลมๆ จี๊ดๆ แทงๆ หรือ ปวดหัวจี๊ดๆ เหมือนเข็มทิ่ม อันนี้อาจมีโอกาสเป็นโรคปลายประสาทอักเสบ
- บีบรัดตึงๆ แบบเอาอะไรมาบีบไว้ที่ศีรษะ อันนี้บอกได้ค่อนข้างยาก เป็นได้ตั้งแต่กล้ามเนื้อยึดตึงธรรมดา ไปจนถึงก้อนเนื้อในสมองก็ปวดแบบนี้
แนวทางการดูแลตัวเองเบื้องต้น
การดูแลตัวเองเบื้องต้นสิ่งที่อยากจะเน้น คือ ทบทวนอาการปวดหัวของตัวเองว่า เข้ากับโรคอันตรายหรือไม่ เพราะว่าอาจจะเป็นอาการนำก่อนที่จะเป็นโรคทางสมองก็ได้ ถ้าเรารีบรักษาเร็วก็มีโอกาสที่จะหายได้
การให้หมอนวด นวดตรงคอ ต้องระวังดีๆ จริงๆ เวลาเราปวดกล้ามเนื้อหรือกระดูกคอ การนวดโดยเฉพาะการยืดกล้ามเนื้อช่วยได้ ช่วยให้ดีขึ้นได้ แต่บางวิธีไม่ถูกต้อง เช่น มีการบิดคอ อันนี้จะทำให้เกิดหลอดเลือดฉีกขาด ซึ่งค่อนข้างอันตราย
แนวทางการรักษาจากแพทย์
ส่วนใหญ่แล้วหากเป็นอาการปวดหัวที่มีลักษณะเช่นนี้และเมื่อวินิจฉัยแล้วพบว่ายังไม่มีภาวะรุนแรงอะไร แพทย์จะแนะนำให้รักษาด้วยเทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า TMS หรือ การกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาอาการปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตึงตัว (Tension Headache) เพื่อลดความรุนแรงของอาการปวดและความถี่ของการกำเริบ วิธีการรักษาโดยเครื่อง TMS มีวิธีการรักษาโดยนำหัวส่งคลื่นแม่เหล็ก มาวางที่ศีรษะ แขนหรือขาหรือจุดที่ต้องการรักษา วิธีการดังกล่าวไม่ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาเจ็บหรือเกร็งใด ๆ เพราะกระบวนการรักษานั้นไม่มีการผ่าตัด หรือฉีดสิ่งใดเข้าสู่ร่างกาย จึงไม่สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้ป่วย อีกทั้งการทำTMS สามารถรักษาเป็นครั้ง ๆได้ ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษา ไม่ต้องนอนพักฟื้นและสามารถกลับบ้านได้เลยทันที
แนวทางการทำกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคปวดศีรษะ
สำหรับหลักการใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดกับผู้ที่มีอาการปวดศีรษะร่วมกับอาการปวดคอ จะเป็นไปเพื่อช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อต้นคอ เพราะโดยปกติผู้ที่ปวดศีรษะบ่อยๆ จะมีการปวดศีรษะต้นคอทั้ง 2 ข้างร่วมด้วย โดยเครื่องมือทางกายภาพบำบัดส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องมือที่ให้ความร้อน เช่น การประคบแผ่นร้อน การนวดด้วยคลื่นอัลตร้าซาวนด์ และการนวดด้วยมือตามตำแหน่งที่มีการเกร็งของกล้ามเนื้อ และเมื่อกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอมีการคลายตัวจะส่งผลให้เลือดที่ไปเลี้ยงสมองไหลเวียนได้ดีขึ้น จึงเป็นการช่วยบรรเทาอาการปวดคอ และผลพลอยได้ที่จะตามมาคืออาจทำให้อาการปวดศีรษะบรรเทาลง แต่ทั้งนี้ผลที่ได้จะขึ้นกับโรคของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
วิธีการนวดกดจุดช่วยแก้ปวดหัวแบบจี๊ด ๆ ตึง ๆ ด้วยตนเอง
การนวดเป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรนได้ดีและง่ายที่สุด วิธีการนวดให้นวดบริเวณขมับ ต้นคอ และช่วงไหล่ โดยนวดไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายลง เส้นเลือดก็จะคลายตึง ไม่หดเกร็ง ทำให้อาการปวดศีรษะไมเกรนทุเลาลง และถ้าจะให้ได้ผลดีมากขึ้น อาจหาพวกน้ำมันหอมระเหย เช่น น้ำมันเขียว น้ำมันการบูร หรือน้ำมันลาเวนเดอร์ เป็นต้น มาใส่ในขณะที่นวดด้วยจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้เพิ่มขึ้น
สรุป ข้อควรรู้เกี่ยวกับ “อาการปวดจี๊ด ๆ ที่กลางศีรษะ”
อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่มีอาการปวดศีรษะแบบเป็นๆ หายๆ บ่อยเกินปกติ ควรหาเวลามาตรวจสุขภาพพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยกันบ้างดีกว่านะคะ เช่น วัดความดันโลหิต ตรวจทางระบบประสาท หรือตรวจตาและตรวจกระดูกสันหลังที่คอ นอกจากนี้ การนวดบำบัด ทำสปาหรือกดจุดบ้างก็เป็นผลดี เพราะศาสตร์นี้เป็นตัวช่วยแก้ปัญหาอาการปวดศีรษะได้อย่างดี การนวดหรือกดจุดบริเวณที่เชื่อมโยงกับศีรษะก็ช่วยแก้อาการปวดศีรษะได้เพราะจะช่วยทำให้ผ่อนคลาย เรียกได้ว่าวิธีการใดก็ตามที่ทำแล้วรู้สึกสบายก็สามารถทำได้ทั้งนั้น เพียงแค่ผู้ป่วยควรใส่ใจในอาการของตนเองเป็นพอ
FAQ คำถามที่พบบ่อย
ปวดหัวจี๊ดๆ เป็นพักๆ เกิดจากอะไร
ปวดหัวจากการใช้งาน คือปวดกล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆศีรษะ สัมพันธ์กับการใช้งานสายตา หากมีเส้นประสาทอักเสบร่วมด้วย อาจปวดแบบจี๊ดๆได้
ปวดหัวจี๊ดจี๊ดข้างเดียวเกิดจากอะไร
ส่วนใหญมาจากภาวะการปวดไมเกรน มักปวดข้างเดียว และบางรายมีอาการมีคลื่นไส้ร่วมด้วย
ปลายประสาทอักเสบ หายเองได้ไหม
ผู้ป่วยเพียงแค่ปรับพฤติกรรมบางประการก็สามารถช่วยให้อาการปวดหัวจากภาวะปลายประสาทอักเสบหายได้ เช่น อาบน้ำอุ่นให้มากขึ้น เพราะจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ลดอาการชา และความเจ็บปวดได้ หรือได้รับวิตามินเสริมให้เพียงพอ ก็ทำให้หายจากอาการได้
ปลายประสาทอักเสบรักษานานแค่ไหน
หากเป็นอาการปวดหัวจากปลายประสาทอักเสบขั้นไม่รุนแรง ทั่วไปจะใช้เวลารักษาอยู่ที่ประมาณ 30 นาที แต่สำหรับอาการเรื้อรังอาจะต้องใช้เวลาร่วมเดือน เพราะต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอจนกว่าอาการจะดีขึ้น
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วิดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวิดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- “ปวดหลังเรื้อรัง” พฤติกรรมที่ทำให้คุณปวดหลังแบบไม่รู้ตัว
- “โรคกระดูกสันหลัง” 4 โรคที่ควรระวังปล่อยไว้อาจส่งผลเสีย
- เครื่องมือกายภาพ 5 แบบมีอะไรบ้างแต่ละแบบรักษาอย่างไร