NEWTONEM
×
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
    • เรื่องราวคลินิก
    • ทำไมถึงควรให้เราดูแล
    • สิ่งที่เราแตกต่าง
    • ทีมของเรา
    • ร่วมเป็นทีมเดียวกัน
  • บริการคลินิก
    • บริการรักษาของคลินิก
    • คอร์สอบรมออนไลน์
  • อาการปวด
    • ตามส่วนของร่างกาย
    • ตามประเภทการปวด
    • ตามประเภทกีฬา
  • สาขา
    • สาขาพระราม 6
    • สาขาลาดพร้าว
    • สาขาทองหล่อ
    • สาขากาญจนาภิเษก
    • สาขารามคำแหง
    • สาขาราชพฤกษ์
  • บทความ
  • ผู้ป่วยใหม่
  • ติดต่อเรา
    • ติดต่อเรา
    • คำถามพบบ่อย
    • คนไข้ใหม่
    • เข้าสู่ระบบสมาชิก
  • English
  • 0 items

ปวดกระเบนเหน็บ ปวดเอว อันตรายไหม ทำอย่างไรจึงจะหาย?

ปวดกระเบนเหน็บ ปวดเอว อันตรายไหม ทำอย่างไรจึงจะหาย?
แสดงทั้งหมด

ปวดกระเบนเหน็บ เป็นอาการที่ส่งผลต่ออวัยวะช่วงล่างอย่างมากมาย แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ค่อยมีใครรู้จัก ซึ่งส่วนใหญ่อาการนี้มักพบในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะชาวออฟฟิศทั้งหลาย ซึ่งอาการปวดบริเวณกระเบนเหน็บเช่นนี้ เมื่อเป็นแล้ว ผู้ป่วยจะไม่ได้เกิดอาการปวดแค่จุดเดียว แต่จะลามไปยังจุดอื่น ๆ เช่น ต้นขา แข้ง ไปจนถึงเท้า ซึ่งถือว่าอาการดังกล่าว เป็นภัยร้ายของคนที่นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ รวมถึงท่าทางในการนั่ง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อสุขภาพบริเวณหลังจนมีอาการปวดแบบเรื้อรังได้ ถ้ารู้แบบนี้แล้ว ต้องรีบหาวิธีการแก้ปัญหา โดยลำดับแรกต้องมาทำความรู้จักอาการปวดกระเบนเหน็บเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงและหาวิถีทางในการป้องกันได้

ปวดกระเบนเหน็บ ปวดเอว อันตรายไหม ทำอย่างไรจึงจะหาย?

ปวดกระเบนเหน็บ คืออาการอะไร เกิดจากอะไร รักษาด้วยวิธีไหนดี?

อาการปวดกระเบนเหน็บถ้าให้พูดให้ชัดเจนและเห็นภาพมากที่สุด คือ อาการปวดบริเวณกระดูกสะโพกส่วนล่าง ซึ่งมีจุดเชื่อมไปยังกระดูกสันหลังกับกระดูกเชิงกราน โดยอาการปวดเหล่านี้อาจจะมาจากอาการของการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ การนั่งผิดท่า หรือท่าที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมาจากอาการ ที่มาพร้อมกับการปวดประจำเดือนนั่นเอง

กระเบนเหน็บ คืออะไร อยู่ตรงไหน?

กระเบนเหน็บ (sacrum) เป็นส่วนหนึ่งของกระดูกสันหลัง ซึ่งเดิมมี 8 ชิ้น แต่จะเชื่อมรวมกันเป็นชิ้นเดียว และจะต่อกับกระดูกเชิงกราน (pelvic bone) โดยจะมีช่องเปิด (sacral foramina) เพื่อเป็นทางผ่านของเส้นประสาทที่ไปยังบริเวณเชิงกรานและขา ซึ่งกระดูกใต้กระเบนเหน็บเป็นกระดูกสันหลังชิ้นที่ต่อกับกระดูกสันหลังเอว (Lumbar spine) โดยข้อต่อระหว่างกระดูกเอวและกระดูกกระเบนเหน็บเรียกว่า Lumbosacral joint ซึ่งเป็นจุดรองรับน้ำหนักตัวและส่งผ่านน้ำหนักตัวจากลำตัวสู่ขาทั้งสองข้าง จึงเป็นข้อที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนและการเสื่อมได้มากที่สุดข้อหนึ่ง โดยอาการปวดหลังช่วงล่างมักเกิดจากโรคของข้อนี้นั่นเอง

อาการปวดตรงกระเบนเหน็บ คือ…

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า อาการปวดตรงกระเบนเหน็บเป็นอาการที่เกิดขึ้นที่กระดูกสะโพกส่วนล่าง หรือกระดูกข้อสะโพก จุดที่เชื่อมต่อระหว่างปลายกระดูกสันหลัง กับกระดูกเชิงกราน ซึ่งทำให้สับสนกับโรคของกระดูกสันหลังอย่างมาก อาการปวดกระเบนเหน็บ ก็เกิดจากการที่ภาวะกระดูกข้อต่อก้นกบมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เนื่องจากกระเบนเหน็บเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างร่างกายส่วนบน (กระดูกสันหลัง) กับร่างกายส่วนล่าง (กระดูกเชิงกราน) เลยทำให้รอบ ๆ กระเบนเหน็บรายล้อมไปด้วยเอ็น ข้อต่อต่าง ๆ มากมาย การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของกระดูกข้อต่อก้นกบนี้ เช่น เคลื่อนไหวน้อยลง มากเกินไป หรือมีการยึด ติด รั้งของเส้นเอ็นที่ยึดข้อกระดูกต่าง ๆ ไว้ หรือมีความยิมนาสติกมากจนทำให้กระดูกวางตัวผิดตำแหน่ง ก็เป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดกระเบนเหน็บเช่นกัน

สาเหตุของอาการปวดตรงกระเบนเหน็บ

เนื่องจากกระเบนเหน็บเป็นอวัยวะที่ใครหลาย ๆ คนไม่รู้จัก จึงอาจคิดได้ว่าอาการปวดต้องเกิดจากสาเหตุที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่แท้จริงแล้วเกิดจากสาเหตุที่ใกล้ตัวกว่าที่ทุกคนคิด เช่น

  1. มาจากการนั่งทำงานหรือนั่งในท่าเดิม ๆ เป็นเวลาติดต่อกันนาน ๆ
  2. หญิงตั้งครรภ์หรือเคยผ่านการตั้งครรภ์มาแล้ว เพราะการตั้งครรภ์จะทำให้เกิดอาการปวดบริเวณสะโพกส่วนล่างเนื่องจากมีทั้งความแข็งแรงและมีความอ่อนตัวที่น้อยลงกว่าเดิม
  3. อาจเกิดจากการประสบอุบัติเหตุบริเวณสะโพกโดยตรง เช่น ล้มกระแทก
  4. ชอบนั่งไขว่ห้างเป็นประจำ
  5. ทำท่าทางที่ชอบบิดตัวให้มีเสียงดังกรอบเป็นประจำ ซึ่งอาจมีผลต่อข้อต่อและเส้นเอ็น ซึ่งอาจเกิดการเสื่อมสภาพลงในอนาคต
  6. การเล่นกีฬาที่ต้องใช้แรงเหวี่ยงตัว โดยเฉพาะการใช้บริเวณแขนและขาเป็นประจำ
  7. การนั่งขับรถเป็นเวลานานติดต่อกันหลายชั่วโมง

การรักษา หรือป้องกันอาการปวดตรงกระเบนเหน็บ

การที่แพทย์จะวินิจฉัยให้มั่นใจว่าเป็นโรคกระเบนเหน็บนั้น ต้องมาจากการซักประวัติอย่างเดียวเลย เนื่องจากอาการปวดกระเบนเหน็บนี้ ไม่สามารถ X-ray หรือใช้ภาพถ่ายทางรังสีมาวินิจฉัยได้ สำหรับการรักษาอาการปวดกระเบนเหน็บนั้น ก็มี 2 แบบใหญ่ ๆ คือ การรักษาแบบผ่าตัด กับการรักษาแบบไม่ผ่าตัด ซึ่งการรักษาโดยการผ่าตัด จะใช้สำหรับผู้ที่ปวดกระเบนเหน็บมาก ๆ แบบกระทบกับกิจวัตรประจำวัน และซึ่งในปัจจุบันการผ่าตัดกระเบนเหน็บก็เป็นลักษณะการผ่าตัดแบบแผลเล็ก เสียเลือดน้อย ไม่เหมือนกับในอดีตแล้ว

การรักษาโดยไม่ได้ผ่านการผ่าตัดนั้นมีหลายวิธีมาก ๆ บางวิธีก็นับว่าเป็นวิธีการป้องกันด้วยซ้ำ วิธีการรักษาแบบไม่ผ่าตัดก็มีตั้งแต่ การจี้ข้อเชิงกรานด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง ซึ่งเป็นวิธีที่ได้มาตรฐาน และได้ผลดี แถมไม่ต้องผ่าตัดอีกด้วย รองลงมาก็จะเป็นการฉีดยาชา และยาต้านการอักเสบเข้าในข้อเชิงกราน แต่วิธีนี้แพทย์จะต้องทราบจุดที่ทำให้เกิดอาการปวดอย่างแม่นยำ วิธีที่ 3 ซึ่งเป็นวิธีที่เบสิกที่สุด คือการทานยาแก้ปวด และวิธีสุดท้ายที่คล้าย ๆ กับการป้องกันอาการปวดกระเบนเหน็บก็ว่าได้ คือการทำกายภาพบำบัด ซึ่งต้องทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญในการทำกายภาพเกี่ยวกับกระดูกเชิงกราน แต่การป้องกันที่ทำเองได้ และง่ายอย่างคิดไม่ถึงคือ การนั่งให้ถูกต้อง แต่จะนั่งทำงานอย่างไรถึงจะถูกต้อง

การปรับท่านั่งให้ถูกต้องตามหลัก ลดอาการปวดบริเวณกระเบนเหน็บ

โดยปกติแล้วเวลาที่เรานั่ง จะมีแรงกดที่โครงสร้างต่าง ๆ ของกระดูกสันหลังมากกว่าในช่วงเวลาที่เรายืน เพราะฉะนั้นท่านั่งที่ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในการลดแรงกดที่จะเกิดขึ้นต่อโครงสร้างต่าง ๆ ของหลัง ไล่ตั้งแต่กระดูกคอไปจนถึงหลัง

  • ท่านั่ง เป็นท่าที่ใช้ในการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์สูงที่สุด การปรับให้ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์จะช่วยลดอาการบาดเจ็บลงได้
  • การนั่ง ส่งผลต่อแรงกดของน้ำหนักร่างกายลงบนหมอนรองกระดูกสันหลังมากกว่าท่ายืน
  • ระหว่างทำงานจึงควรนั่งตัวตรง หลังไม่ค่อม ไหล่ไม่ห่อ คอตรง หน้าไม่ยื่น
  • ปรับสภาพแวดล้อมบนโต๊ะทำงานให้เหมาะสม

การให้การรักษาโดยแพทย์ฟื้นฟู

  • การรักษาด้วยยา ได้แก่ การใช้ยาเพื่อรักษาอาการ เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวดชนิดต่าง ๆ
  • การฝังเข็มแบบตะวันตก  จะเป็นการฝังเข็มไปยังจุดที่กล้ามเนื้อเกร็งตัวโดยตรง ทำให้ช่วยลดความตึงตัวและความไวของปลายประสาทที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว ช่วยในกลุ่มคนที่มีจุดกดเจ็บชัดเจนให้สามารถลดอาการปวดได้ไว แม้ว่าผู้ป่วยอาจจะมีอาการเจ็บระบมหลังการฝังได้ แต่มักจะหายได้เองในระยะเวลา 1-2 วัน
  • การใช้เครื่องมือทางกายภาพแบบใหม่ เช่น
    • การรักษาโดยคลื่นกระแทก ( Extracorporeal shock wave ) เป็นการรักษาโดยใช้คลื่นกระแทกเพื่อกระตุ้นบริเวณที่บาดเจ็บให้มีการเร่งการซ่อมแซม ช่วยลดการอักเสบ ลดการปวดและรักษาฟื้นฟูเนื้อเยื่อได้ อย่างไรก็ตามการรักษาวิธีนี้ ขณะทำการรักษาจะมีอาการเจ็บจากคลื่นกระแทกได้
    • เครื่องเลเซอร์ความแรงสูง ( High intensity Laser therapy ) จะช่วยลดการอักเสบ และอาการปวดบริเวณตำแหน่งที่ปวดได้ และขณะให้การรักษาก็จะไม่มีอาการเจ็บบริเวณตำแหน่งที่ทำการรักษาด้วย จึงมักจะใช้ในระยะเฉียบพลันที่อาจจะมีอาการปวดค่อนข้างมาก
  • การรักษาด้วยเครื่องมือทั้ง 2 ชนิดดังกล่าว จะมีข้อห้าม และข้อควรระวังที่แตกต่างกัน  ดังนั้นการจะรักษาด้วยวิธีการใด ใช้ระยะเวลาไหร่ จึงจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเป็นราย ๆ ไป

การทำกายภาพบำบัด โดยนักกายภาพบำบัด 

  • นักกายภาพบำบัดจะทำการประเมินและให้การรักษาด้วยเครื่องมือกายภาพต่าง ๆ เช่นเครื่องอัลตราซาวด์ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
  • เครื่องมือทางกายภาพจะช่วยลดอาการปวด และอาการตึงตัวของกล้ามเนื้อได้ดี
  • ควรทำกายภาพบำบัด ร่วมกับการทำ Manual Treatment ต่าง ๆ เช่น การยืด การดัด และสอนท่าออกกำลังกายเบื้องต้น

การออกกำลังกายด้วย Active Rehabilitation

  • คือการออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่สำคัญ เช่น กล้ามเนื้อก้มคอชั้นลึก กล้ามเนื้อปลายแขน
  • การที่กล้ามเนื้อแข็งแรง จะทำให้เราทนทานต่อการนั่ง หรือทำงานต่อเนื่องยาวนานได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การรักษาออฟฟิศซินโดรมให้ประสบความสำเร็จ มักจะต้องอาศัยการรักษาหลายอย่างร่วมกัน ทั้งแพทย์ ทีมนักกายภาพ รวมถึงตัวคนไข้เอง โดยเฉพาะการออกกำลังกาย ทั้งการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ และการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ จะช่วยป้องกันการกลับมาเป็นออฟฟิศซินโดรมซ้ำได้อีกในระยะยาว

การรักษาโดยการใช้อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ หรือการรักษาเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจจะทำให้กลับมาเป็นซ้ำได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การปรับพฤติกรรมการทำงานก็เป็นสิ่งที่ช่วยได้มากในการผ่อนหนักให้เป็นเบา

——————————–

ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง

บทความที่น่าสนใจ

  • ปวดเอวเวลานอน-สาเหตุการนอนไม่หลับ แก้ยังไงดี
  • ยืดน่อง ลดตึง – 3 ท่ายืด ลดอาการบวมตึงที่น่อง
  • น่องตึง บวม เกิดจากอะไรได้บ้าง หากหายแล้วมีโอกาสเป็นซ้ำหรือไม่?

ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม

Newton Em Clinic เป็นคลินิกกายภาพที่มุ่งเน้นการบริการทางด้านกายภาพบำบัดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ออฟฟิศซินโดรม และอาการปวดตามส่วนต่างๆ เช่นหลัง บ่า เข่า และข้อ เป็นต้น ด้วยบริการต่างๆ ดังนี้ กายภาพบำบัดทั่วไป กายภาพบำบัดหลังผ่าตัด การรักษาอาการบาดเจ็บทางกีฬา นวดการกีฬา โปรแกรมยืดกล้ามเนื้อ โปรแกรมเตรียมความพร้อมให้กับนักกีฬาก่อนแข่ง โปรแกรมฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังแข่ง การตรวจโครงสร้างทางร่างกาย โปรแกรมออกกำลังกายในน้ำ โปรแกรมออกกำลังกายรักษาอาการปวดพิลาทิส รับปรึกษาแผนการพัฒนาความคิดและพฤติกรรมสำหรับเด็ก และกายภาพบำบัดในท่อน้ำนมอุดตันสำหรับหญิงหลังคลอด ซึ่งเรามีความรู้ในการดูแลและประสบการณ์ด้านการรักษา เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายตามมาตรฐานด้วยเทคนิคเฉพาะทาง พร้อมทั้งสามารถให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพจากทีมนักกายภาพบำบัดที่มีประสบการณ์โดยตรง เหมาะสำหรับกลุ่มนักกีฬา ผู้ที่ออกกำลังกาย และผู้ที่มีภาวะจำเป็นที่ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดเช่น กายภาพบำบัดหลังการผ่าตัด คุณแม่หลังคลอดและผู้สูงอายุ 

ปัจจุบันเรามีคลินิกที่พร้อมให้บริการจำนวน 6 สาขา โดยแต่ละสาขาจะมีการให้บริการ การรักษาขั้นพื้นฐานที่เหมือนกัน และยังมีการให้บริการที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางของแต่ละสาขา โดยนักกายภาพที่มีประสบการณ์และผ่านการอบรมเฉพาะด้านเพื่อผลิตผู้รักษาให้ตรงตามอาการของผู้ป่วยทุกคน คลินิก Newton Em พร้อมให้บริการจำนวน 6 สาขา

  • สาขาลาดพร้าว เบอร์โทร 099-553-9445
  • สาขาทองหล่อ เบอร์โทร 099-553-9445
  • สาขากาญจนาภิเษก เบอร์โทร 099-553-9445, 083-559-5954
  • สาขาพระราม 6 เบอร์โทร 099-553-9445
  • สาขารามคำแหง เบอร์โทร 099-553-9445, 02-115-5353
  • สาขาราชพฤกษ์ เบอร์โทร 096-264-4250

เวลาทำการ: วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 10:00 น. – 19:00 น.

ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม

Tel: 099-553-9445

ปรึกษา หรือ ติดตามความรู้สุขภาพอื่นๆได้ตามช่องทางด้านล่าง

   facebook_นิวตั้น_เอ็ม_คลินิกกายภาพบำบัด_รักษาอาการปวด_newton_em_physio_physical_therapy_clinic   Youtube_นิวตั้น_เอ็ม_คลินิกกายภาพบำบัด_รักษาอาการปวด_newton_em_physio_physical_therapy_clinic   instagram_นิวตั้น_เอ็ม_คลินิกกายภาพบำบัด_รักษาอาการปวด_newton_em_physio_physical_therapy_clinic

Newton-EM-_โลโก้ขาว_compressed

About US

At Newton Em Clinic, our experienced therapists are able to treat a variety of different injuries and conditions. If you have any specific questions, Please do not hesitate to contact our therapists.

ข่าวสารล่าสุด

  • วิ่งแล้วน่องตึง ยืดท่าไหนให้วิ่งสบายได้กว่าเดิม? เม.ย. 28

    “วิ่...

  • วิ่งแล้วเจ็บน่อง วิธีแก้ ง่าย ๆ ที่นักวิ่งต้องรู้ ฟื้นฟูได้ไว วิ่งได้เหมือนเดิม เม.ย. 28

    วิ่งแล้วเจ...

  • รักษาอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง บริเวณกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อเข่า เม.ย. 28

    รักษาอาการ...

ความรู้สุขภาพล่าสุด

  • วิ่งแล้วน่องตึง ยืดท่าไหนให้วิ่งสบายได้กว่าเดิม?
  • วิ่งแล้วเจ็บน่อง วิธีแก้ ง่าย ๆ ที่นักวิ่งต้องรู้ ฟื้นฟูได้ไว วิ่งได้เหมือนเดิม
  • รักษาอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง บริเวณกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อเข่า
  • เตรียมตัวก่อนวิ่งมาราธอน สำหรับนักกีฬามือใหม่ วิ่งยังไงให้ปลอดภัย?
  • รักษากล้ามเนื้ออักเสบ ที่ไหนดี-Newton Em Clinic คำตอบของทุกคน

⭐⭐⭐⭐⭐

Rating: 5 out of 5.
Copyright ©2020 Newtonemclinic all rights reserved
นโยบาย ความเป็นส่วนตัว ข้อตกลงการใช้เว็บไซต์