5 อาการบาดเจ็บจากการเล่นกอล์ฟ ที่เหล่าโปรฯ ต้องเจอ รักษายังไงได้บ้าง
“อาการบาดเจ็บจากการเล่นกอล์ฟ” อาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่หลายคนคิด แม้กีฬากอล์ฟจะดูไม่หวือหวาเหมือนกีฬาที่มีการปะทะ แต่การสวิงซ้ำ ๆ การถ่ายน้ำหนักตัว และการควบคุมท่าทางที่แม่นยำตลอดการเล่น ล้วนส่งผลให้กล้ามเนื้อและข้อต่อต้องทำงานหนักโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะผู้ที่เล่นเป็นประจำหรือมีท่วงท่าที่ไม่ถูกต้อง ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการบาดเจ็บมากขึ้น วันนี้เราจะพาไปเจาะลึก 5 อาการบาดเจ็บยอดฮิตที่เหล่าโปรกอล์ฟต้องเจอ พร้อมแนวทางการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อให้คุณสามารถกลับไปเล่นกอล์ฟได้อย่างปลอดภัยและเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง
อาการบาดเจ็บจากการเล่นกอล์ฟ ที่เหล่าโปรฯ กอล์ฟต้องเจอ ศึกษาข้อมูลให้ลึก เพื่อระมัดระวังตัวในการเล่น
แม้กีฬากอล์ฟจะดูเป็นกีฬาที่ไม่ต้องใช้แรงกระแทกหรือการปะทะรุนแรงเหมือนกีฬาอื่น ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว นักกอล์ฟ โดยเฉพาะนักกอล์ฟอาชีพ หรือผู้ที่เล่นอย่างสม่ำเสมอ มักต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บเรื้อรังจากการใช้งานร่างกายแบบซ้ำ ๆ ในท่าทางเดิมเป็นเวลานาน อาการบาดเจ็บเหล่านี้อาจรบกวนการฝึกซ้อมหรือการแข่งขัน และหากละเลยอาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้ ในบทความนี้ เราจะพาไปดู 5 อาการบาดเจ็บที่พบบ่อยในนักกอล์ฟ พร้อมแนวทางการรักษาและป้องกันอย่างถูกวิธี
มาดูกัน! 5 อาการบาดเจ็บที่พบได้บ่อยหลังจากการเล่นกอล์ฟ มีอะไรบ้าง?
จากที่ได้กล่าวไปว่า แม้กอล์ฟจะเป็นกีฬาที่ดูเผิน ๆ แล้วไม่ได้ใช้แรงเยอะ หรือใช้ส่วนในร่างกายมากมายอะไร แต่ต้องบอกเลยว่าสามารถทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้หลายอาการทีเดียว ซึ่งที่พบได้บ่อย แบ่งออกหลัก ๆ ได้ 5 อาการด้วยกัน ได้แก่…
1. อาการบาดเจ็บที่ข้อศอก (Golfer’s Elbow)
Golfer’s Elbow หรือชื่อทางการแพทย์คือ Medial Epicondylitis คือภาวะที่เส้นเอ็นบริเวณด้านในของข้อศอกเกิดการอักเสบ มักเกิดจากการเหวี่ยงไม้กอล์ฟซ้ำ ๆ โดยเฉพาะหากมีท่าทางการตีที่ผิดหรือจับไม้แน่นเกินไป
ลักษณะอาการ
- ปวดบริเวณด้านในของข้อศอก
- รู้สึกปวดร้าวลามไปที่แขนและข้อมือ
- ปวดมากขึ้นเมื่องอข้อมือหรือตีลูกกอล์ฟ
แนวทางการรักษา
- พักการใช้งานข้อศอก
- ประคบเย็นในช่วง 24–72 ชั่วโมงแรก
- กายภาพบำบัดเพื่อยืดและเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณแขน
- ใช้สายรัดข้อศอกเพื่อช่วยพยุงระหว่างการเล่น
- หากอาการรุนแรง อาจต้องพิจารณาฉีดยาลดการอักเสบ หรือรักษาด้วยคลื่นกระแทก (Shockwave Therapy)
2. เจ็บหลังส่วนล่าง (Lower Back Pain)
อาการปวดหลังส่วนล่างเป็นอาการที่พบได้บ่อยมากในนักกอล์ฟ โดยเฉพาะผู้ที่มีการสวิงในลักษณะที่ใช้แรงจากหลังมากเกินไป หรือไม่มีการวอร์มอัพกล้ามเนื้อก่อนเล่น
ลักษณะอาการ
- ปวดเมื่อยบริเวณหลังส่วนล่าง
- รู้สึกตึงหรือขัดเวลาบิดลำตัว
- อาการปวดอาจลามไปถึงสะโพกหรือต้นขา หากมีการกดทับเส้นประสาท
แนวทางการรักษา
- พักการเล่นกอล์ฟสักระยะ
- ยืดกล้ามเนื้อและเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core Muscles)
- ปรับปรุงท่าทางการยืนและการสวิงให้เหมาะสม
- หากปวดมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการทำกายภาพบำบัดหรือ MRI ตรวจดูภายใน
3. ปวดหัวไหล่ (Shoulder Pain / Rotator Cuff Injury)
นักกอล์ฟต้องใช้หัวไหล่ในการยกแขนและหมุนวงสวิงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่ โดยเฉพาะกลุ่มกล้ามเนื้อ Rotator Cuff
ลักษณะอาการ
- ปวดลึกในหัวไหล่ โดยเฉพาะเวลายกแขนสูง
- รู้สึกอ่อนแรง หรือยกแขนได้ไม่สุด
- หากปล่อยไว้นาน อาจเกิดภาวะไหล่ติดได้
แนวทางการรักษา
- หลีกเลี่ยงการใช้งานไหล่หนัก ๆ
- ทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อและเพิ่มความยืดหยุ่น
- ใช้ยาหรือการประคบร่วมกับการฝึกกล้ามเนื้อเฉพาะจุด
- ในบางกรณีที่กล้ามเนื้อฉีกขาด อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
4. อาการปวดข้อมือ (Wrist Pain)
ข้อมือเป็นจุดที่ต้องรับแรงจากการกระแทกของหัวไม้กับลูกกอล์ฟทุกครั้งที่ตี การตีพื้นหรือหญ้าหนาเกินไปอาจทำให้เส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อข้อมือเกิดการอักเสบ
ลักษณะอาการ
- ปวดหรือระบมบริเวณข้อมือ โดยเฉพาะด้านนิ้วหัวแม่มือ
- ปวดมากขึ้นเมื่อหมุนข้อมือหรืองอมือ
- อาจรู้สึกฝืด ข้อมือขยับได้น้อยลง
แนวทางการรักษา
- พักการใช้งานข้อมือ
- ใช้อุปกรณ์พยุงข้อมือ (Wrist Brace)
- ประคบเย็นและทำกายภาพบำบัด
- หากมีอาการเส้นเอ็นฉีกขาด อาจต้องพิจารณาการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง
5. เจ็บสะโพกหรือสะโพกด้านข้าง (Hip Pain / Lateral Hip Pain)
การหมุนลำตัวและการถ่ายน้ำหนักตัวในขณะสวิงอาจทำให้กล้ามเนื้อรอบสะโพก โดยเฉพาะบริเวณสะโพกด้านข้าง (Gluteus Medius) เกิดการอักเสบหรือใช้งานเกิน
ลักษณะอาการ
- ปวดบริเวณสะโพกด้านข้างหรือก้น
- รู้สึกเจ็บขณะเดินขึ้นลงบันได หรือขณะยืนขาเดียว
- อาจมีอาการล้าเมื่อยเวลายืนหรือยืนนาน ๆ
แนวทางการรักษา
- พักและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงจากสะโพก
- ฝึกกล้ามเนื้อสะโพกและแกนกลางให้แข็งแรง
- ใช้เทคนิคฟื้นฟู เช่น คลื่นอัลตราซาวด์ หรือการนวดเฉพาะจุด
- หากมีอาการเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการฟื้นฟูอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ดี แม้การเล่นกอล์ฟจะดูไม่ใช่กีฬาที่เสี่ยงบาดเจ็บ แต่ด้วยท่าทางที่ซ้ำ ๆ และแรงบิดของกล้ามเนื้อในแต่ละวงสวิง ก็สามารถก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บได้หลายจุด โดยเฉพาะข้อศอก หลัง ไหล่ ข้อมือ และสะโพก หากเริ่มมีอาการผิดปกติ ควรรีบพักและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม อย่าละเลยสัญญาณจากร่างกาย เพราะการป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้กลับมาเล่นกอล์ฟได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้นในระยะยาว
ทั้งนี้ ขอสรุปอีกครั้งว่า การเล่นกอล์ฟให้ดีและปลอดภัย ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับทักษะในการตีลูกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลรักษาร่างกายให้สมดุล พร้อมต่อแรงกระแทกและการใช้งานซ้ำ ๆ ในแต่ละวันด้วย หากเริ่มรู้สึกเจ็บหรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบพักและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่อาจส่งผลต่ออนาคตของการเล่นกอล์ฟได้
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้มีประสบการณ์ทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- ปวดเอวเวลานอน-สาเหตุการนอนไม่หลับ แก้ยังไงดี
- “ปวดหลังเรื้อรัง” 6 พฤติกรรมที่ทำให้คุณปวดหลังแบบไม่รู้ตัว
- “ฝังเข็ม” วิธีรักษาทางกายภาพบำบัดของโรคออฟฟิศซินโดรม