5 จุดนวดอันตราย มีอะไร บ้าง สายนวดควรรู้ หากไม่อยากปวดเพิ่ม
5 จุดนวดอันตราย มีอะไร บ้าง? เชื่อได้ว่าหลายคนต้องมีอาการปวดเมื่อยบางอย่างแน่นอน ซึ่งอาจมองข้ามว่าแค่ปวดเมื่อยเดี๋ยวก็หาย แต่เมื่อนานเข้าอาการที่เป็นอาจเริ่มแปรเปลี่ยนจากแค่เมื่อยก็กลายเป็นกลุ่มอาการของโรคได้เลยทีเดียว อย่างไรก็ดี การนวด ยังคงเป็นหนทางที่เรามักใช้เป็นทางออกอยู่เสมอเมื่อรู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งในบางครั้งในขณะที่นวดเราอาจเจอก้อนบางอย่าง หรือจุดตึง ๆ ก็ยิ่งนวดลงไปแรงขึ้นเพราะรู้สึกว่าบรรเทาได้ดี แต่แท้จริงแล้วก็ทำเช่นนั้นอาจมีอาการร้าวไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ การนวด เป็นวิธีที่มีความนิยมในการผ่อนคลาย และการแก้อาการปวดเมื่อยต่าง ๆ ในร่างกายของได้อย่างดีวิธีหนึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังมีบางจุดนวดที่อาจเกิดความเสี่ยง และอันตรายได้ ถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ในบทความนี้เราจะพูดถึง 5 จุดนวดอันตรายที่ควรระมัดระวังเมื่อทำการนวด อ่านต่อเพื่อรู้ว่าจุดนวดเหล่านี้มีอะไรบ้างและควรระวังอย่างไร
5 จุดนวดอันตราย มีอะไร บ้าง มีส่วนไหนที่ควรระวังในการนวดเป็ฯพิเศษ มาดูกัน!!
ต้องบอกก่อนว่า เป็นเรื่องปกติที่เมื่อเรามีอาการปวดตามอวัยวะต่าง ๆ “การนวด” ถือเป็นวิธีอันดับต้น ๆ ในการช่วยบรรเทาอาการปวดให้เราได้ เนื่องจากพอนวดแล้ว อาการปวดเหล่านั้นก็หายไปอย่างปลิดทิ้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป การปวดดังกล่าวกลับกลายเป็นอาการที่รุนแรงขึ้นคือ “กล้ามเนื้ออักเสบ” ซึ่งอาการที่แสดงออกก็คล้ายๆ กันกับการเมื่อยธรรมดา แต่ในครั้งนี้ดันต่างกันออกไปตรงที่ว่าเราไม่อาจนวดได้เช่นเดิมนั่นเอง อย่างไรก็ตาม สำหรับ การนวด แม้จะเป็นวิธีง่าย ๆ แต่ก็สามารถสร้างผลเลียต่อกล้ามเนื้อของเราได้หากไม่ระวัง ดังนั้น เราควรมาทำความรู้จัก 5 จุดอันตรายที่ควรระวังกัน
5 จุดนวดที่ควรระวัง หากปวดบริเวณเหล่านี้ควรระวังความเสี่ยงอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปการนวดจะเป็นการกดบริเวณไปยังบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเราควรกดระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยทั้ง 5 จุดนวดอันตราย ได้แก่
1. บริเวณขมับ
บริเวณขมับนั้นการต่อกันของกระดูกจะไม่แข็งแรงมากและกล้ามเนื้อที่ปกคลุมบริเวณศีรษะก็จะไม่หนามากด้วยเช่นกัน ถ้าเรากดนวดด้วยความรุนแรงอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้
2. บริเวณคอ
ตำแหน่งบริเวณคอจะมีหลอดเลือดแดงใหญ่ซึ่งส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง หากเรามีการกดบริเวณเหล่านั้นเป็นเวลานานอาจทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ส่งผลให้หมดสติหรือเป็นลมได้
3. บริเวณรักแร้
บริเวณรักแร้จะมีเส้นประสาทจำนวนมากที่ไปหล่อเลี้ยงแขน หากเรากดด้วยความรุนแรง อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณเส้นประสาทนั้น ส่งผลให้เกิดอาการชาและอ่อนแรงที่แขนได้
4. บริเวณท้อง
ตำแหน่งบริเวณท้องจะเป็นส่วนที่สำคัญของร่างกาย เพราะภายในช่องท้องมีอวัยวะและหลอดเลือดต่าง ๆ หากกดด้วยความรุนแรงมากเกินไปอาจส่งผลให้ปวดท้องได้ ยิ่งผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดแดงในช่องท้องโป่งพองควรหลีกเลี่ยงการกดนวดในบริเวณท้อง เพราะจะทำให้หลอดเลือดในบริเวณนั้นปริแตกส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้
5. นวดบิดดัด
การนวดลักษณะบิดดัดต้องทำด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีภาวะผิดปกติของกระดูก เช่น ในผู้ป่วยที่มีกระดูกผิดปกติ กระดูกพรุน หรือมะเร็งกระดูกหากเราบิดดัดด้วยความรุนแรงจะทำให้กระดูกมีการแตกหักได้
ซึ่งแม้ว่า 5 บริเวณนี้จะไม่ใช่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อโดยตรง แต่ก็เป็นจุดที่หลาย ๆ คนมักเกิดอาการปวดเมื่อยได้ง่าย ดังนั้นจึงควรระมัดระวังให้มากที่สุด
แชร์ทริคการนวด!! ป้องกันสำหรับอาการระบมของ “กล้ามเนื้อ” นอกเหนือจาก 5 จุดอันตราย
ก่อนอื่นทุกคนต้องทำความรู้จักกับ “Trigger Point” กันก่อน ซึ่ง Trigger Point หรือ จุดกดเจ็บ นั้น เป็นจุดปวดของกล้ามเนื้อที่เกิดการหดเกร็งซึ่งมีขาดประมาณ 3-6 เซนติเมตรและมีความไวต่อการกระตุ้น ซึ่งจุดกดเจ็บเช่นนี้ถือเป็นความผิดปกติของกล้ามเนื้อเพราะมันไม่เพียงเกิดอาการปวดเพียงจุดเดียว แต่อาจแผ่ไปยังจุดอื่นๆ ได้ด้วย หรือที่เรียกว่า referred pain เช่น กดที่ไหล่ แต่ไปรู้สึกที่ขมับ เป็นต้น
โดยจุดกดเจ็บหลายนี้นักวิชาการได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม นั้นคือ
1. Acute MPS
2. Sub-acute MPS
มีอาการปวดที่มากกว่า 2 เดือน แต่ไม่ถึง 6 เดือน การแก้ไขคือหากเลยระยะเวลาอักเสบหรือปวด บวม แดง ร้อน แล้วสามารถประคอบด้วยความร้อนหรือเจลร้อนที่เป็นยาทา ยืดกล้ามเนื้อ ร่วมกับนวดบริเวณดั่งกล่าวเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเลือดและลดการคั่งค้างของของเสีย
3. CHRONIC MPS
มีอาการปวดมากกว่า 6 เดือนที่มีการรบกวนต่อกิจวัตรหรือการทำงาน การนอน และสุขภาพจิตอาจทำวิธีจาก Sub-acute แต่วิธีการแก้ปัญหาระยะยาวคือคุณเองต้องสำรวจด้วยว่าอาการดั่งกล่าวเกิดจากสาเหตุใด และพยายามหลีกเลี่ยงก่อน หากกิจกรรมดังกล่าวไม่สามารถหยุดหรือเลิกทำ สิ่งทำคัญที่จะช่วยแก้ไขในระยะยาวคือหลังจากอาการปวดดีขึ้นคุณจะต้องเริ่มออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานให้แก่กล้ามเนื้อ
ซึ่งถ้าหากเราสามารถแยกได้พอคร่าว ๆ ว่า จุดกดเจ็บของกล้ามเนื้อของเราเป็นแบบไหน ก็จะทำใฝห้การนวดมีความปลอดภัยและส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดอาการระบมลดลง
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้วการที่จะหายจากอาการปวดไม่จำเป็นต้องนวดแบบเจ็บ ๆ เสมอไป เพราะตามหลักการแพทย์แผนไทยหรือการนวดจากนักกายภาพบำบัดจะมีในเรื่องของการแต่งรสมือซึ่งจะเป็นการปรับการลงน้ำหนักในจุดต่างๆตามความเหมาะสมในแต่ละผู้ป่วย จะช่วยลดอาการเจ็บหรือระบมหลังจากนวดได้
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- ปวดเอวเวลานอน-สาเหตุการนอนไม่หลับ แก้ยังไงดี
- ยืดน่อง ลดตึง – 3 ท่ายืด ลดอาการบวมตึงที่น่อง
- น่องตึง บวม เกิดจากอะไรได้บ้าง หากหายแล้วมีโอกาสเป็นซ้ำหรือไม่?