อัมพาต อัมพฤกษ์ ป้องกันได้หากไม่อยากเป็น
“อัมพาต” และ “อัมพฤกษ์” โรคที่ติดอันดับสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 3 จากโรคทั้งหมด โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยเป็นโรคดังกล่าวประมาณ 500,000 คน ซึ่งสาเหตุของทั้ง 2 โรคนี้มาจากหลอดเลือดในสมองที่ตีบ ตัน และแตก ซึ่งในรายที่เสียชีวิตนั้นก็มาจากการที่สมองขาดเลือดเพราะมีการตีบ ตัน หรือแตกของหลอดเลือดสมอง ทำให้สมองไม่สามารถควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้นั่นเอง
อัมพาต-อัมพฤกษ์ เกิดจากอะไร และแตกต่างกันอย่างไร
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นอาการของแขน หรือใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งชา อ่อนแรง เคลื่อนไหวลำบาก หรือเคลื่อนไหวไม่ได้ อย่างทันทีทันใด เกิดขึ้นเนื่องจากหลอดเลือดแดงไปเลี้ยงสมองตีบ ตัน หรือแตก ทำให้เนื้อสมองขาดอาหารและออกซิเจน เกิดภาวะเนื้อสมองเสียหาย
สาเหตุ
สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง มี สาเหตุสำคัญมาจาก 3 ประการ คือ
1.หลอดเลือดแดงในสมองเสื่อม
หรือหลอดเลือดแดงตีบแข็ง (Atherosclerosis) เกิดจากการสะสมของไขมัน ที่ผนัง ชั้นในหลอดเลือดแดงเสื่อมจากการสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารไขมันสูง โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน
2.หลอดเลือดแดงสมองอุดตันจากลิ่มเลือด
หรือชิ้นส่วนของไขมันที่หลุดลอยมา ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การมีภาวะ หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคของลิ้นหัวใจ หรือภาวะหัวใจโต
3.หลอดเลือดแดงสมองแตก
โดยเกิดจากภาวะความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ หรือควบคุมได้ไม่ดี หรือเส้นเลือดโป่งพอง เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดหลอดเลือดสมอง
1.ภาวะความดันสูง
เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ เนื่องจากไปทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอ หลอดเลือดจึงแตก ได้ง่าย
2.การสูบบุหรี่
จะลดปริมาณออกซิเจน และเพิ่มความหนืดของหลอดเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะสมอง ทำให้เกิดอัมพาตได้
3.น้ำตาลและไขมันในเลือดสูง
โดยการมีทั้งน้ำตาลหรือไขมันที่มากเกิดไปจะทำให้ผนังหลอดเลือดหนาขึ้น ส่งผลให้การลำเลียงเลือดหรือการไหลเวียนเป็นไปได้อย่างยากลำบาก
4.การบริโภคอาหารที่ผิดวิธี
การรับประทานอาหารในปริมาณที่มากเกินไป การทานอาหารที่มีเกลือ และไขมัน สูง การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเป็นประจำ จะทำให้เกิดปัญหาความดันโลหิตสูง ไขมันและน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาตมากขึ้น
5. ประวัติการเป็นโรคหัวใจและกรรมพันธุ์
โดยปัจจัยนี้อยู่ที่ผู้ป่วยว่ามีประวัติการเป็นโรคหัวใจหรือมี พ่อแม่และคนในครอบครัวเป็นโรคเกี่ยวข้องกับหลอดเลือดสมองหรือไม่ ซึ่งปัจจัยนี้จะส่งผลให้กับผู้ป่วยโดยตรง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นเช่นกัน
5 อาการสำคัญที่เป็นสัญญาณว่าควรรีบไปพบแพทย์
อาการแสดงสำคัญที่สุดที่ควรรู้ และควรสังเกตอย่างสม่ำเสมอ มีดังนี้
- ชา หรืออ่อนแรงที่หน้า แขน หรือขา ซีกใดซีกหนึ่ง อย่างทันทีทันใด
- พูดลำบาก พูดไม่ได้ พูดไม่ชัด หรือไม่เข้าใจคำพูด อย่างทันทีทันใด
- มีปัญหาการมองเห็น ตามัว หรือเห็นภาพซ้อนของตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง อย่างทันทีทันใด
- มีอาการมึนงง เวียนศีรษะ เดินไม่ได้ เดินลำบาก เดินเซ หรือสูญเสียการทรงตัวในการยืนและเดิน อย่างทันทีทันใด
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรงอย่างทันทีทันใด โดยไม่ทราบสาเหตุ
แนวทางการรักษา
การรักษาโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต นั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุและโรคต้นเหตุของผู้ป่วย เช่น
- ผ่าตัดสมอง เมื่อเกิดจากหลอดเลือดสมองแตก
- ใส่สารอุดตันเข้าหลอดเลือด เมื่อเกิดจากโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง
- ให้ยาละลายลิ่มเลือด เมื่อเกิดจากลิ่มเลือดอุดตัน
- ให้ยาลดการแข็งตัวของเลือดเพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือด
- ควบคุมโรคต่างๆ ที่เป็นสาเหตุ เช่น รักษาควบคุมโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูง
- การทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูกล้ามเนื้อแขน/ขา หรือการฝึกพูด
วิธีป้องกันในระยะยาว
- ควบคุมภาวะความเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง เป็นต้น
- รับประทานยา และพบแพทย์สม่ำเสมอ
- ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก หมั่นทำกายภาพบำบัด
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา
- กายภาพบำบัด หากผู้ป่วยยังคงมีอาการทุพพลภาพ
ทั้งนี้ ในการป้องกันโรคทั้ง 2 แบบดังกล่าวควรมีการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีร่วมด้วย เนื่องจากเป็นโรคที่สามารถเกิดได้อย่างฉับพลันเช่นเดียวกัน ดังนั้นการไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งที่ดีเพื่อที่จะได้รู้แนวทางการปฏิบัติตัวในการป้องกันนั่นเอง
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- นั่งนาน ปวดหลัง แก้ได้ไม่ยาก
- ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Myofascial Pain Syndrome)
- ปวดหัว มึนหัว ปวดกระบอกตา คล้ายไมเกรน