สูญเสียการทรงตัว – ปัญหาในผู้สูงอายุที่กายภาพช่วยได้
“สูญเสียการทรงตัว” แม้จะดูไม่อันตราย แต่ก็เป็นภัยกับผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถทำให้ผู้สูงอายุเกิดการพลัดตกหกล้มได้เลยนั่นเอง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าระบบนี้ค่อนข้างเป็นระบบที่สำคัญ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่ไม่ได้หมายถึงความแข็งแรงของร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงความปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
“สูญเสียการทรงตัว” ในผู้สูงอายุ สำคัญอย่างไร แก้ได้หรือไม่?
ปัญหาด้านการทรงตัวของผู้สูงอายุนั้น มีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่อาจมาจากการเวียนหัว อาการบ้านหมุน และอาการหน้ามืด เป็นต้น ซึ่งผลของความรุนแรงก็จะแตกต่างกันออกไปอีกเช่นเดียวกัน เช่น ในกรณีที่ผู้สูงอายุเกิดการล้มภายในบ้าน ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมภายในสถานที่นั้นๆ ด้วยว่า มีปัจจัยอะไรที่ทำให้ดูเสี่ยงต่อการส่งผลร้ายแรงหรือไม่ เช่น ผู้สูงวัยอาจล้ม หัวกระแทกขอบโต๊ะ ที่อยู่ในห้องนอนของพวกท่านเอง เป็นต้น
“ระบบทรงตัว” สำคัญอย่างไร?
ระบบทรงตัวของมนุษย์เรานั้น ทำงานประสานกับหลายๆ ระบบในร่างกายซึ่งมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเป็นเป็นการมองเห็น ระบบควบคุมการทรงตัวเวสติบูล่า (vestibular) และระบบการรับความรู้สึกในข้อต่อและ กล้ามเนื้อ (proprioception) รวมทั้งการควบคุมของระบบประสาทสั่งการที่มาจากสมอง ส่วนกลางหรือส่วนหลักๆที่ทำหน้าที่ด้านการทรงตัวได้แก่ ซีรีเบลลัม (cerebellum) และการตอบสนองของ กล้ามเนื้อส่วนปลาย ซึ่งระบบต่างๆ ต้องทำงานประสานกันเป็นอย่างดี จึงจะช่วยป้องกันการหกล้มได้นั่นเอง
สาเหตุของปัญหาการทรงตัวในผู้สูงวัย
-
การเปลี่ยนแปลงตามวัย
คือ การเสื่อมประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทรับสัมผัสและระบบประสาทควบคุมกล้ามเนื้อตลอดทางเดินประสาท และระบบกลไกการผสมผสานของสมองส่วนกลาง
-
ความหลากหลายและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต
เพิ่มโอกาสให้เกิดอาการเวียนศีรษะและเสียการทรงตัวในผู้สูงอายุมากขึ้น มีปัจจัยมากมายทางสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตที่ทำให้การรับรู้สับสนและเสียการทรงตัว ปัจจัยสำคัญที่สุดที่พบบ่อย คือ การรับประทานยาหลายขนานและผลข้างเคียงของยา เนื่องจากมีโรคเรื้อรังหรือภาวะผิดปกติต่างๆ เป็นต้น
-
กลุ่มอาการป่วยต่างๆ
เช่น อาการปวดไมเกรน กลุ่มการไหลเวียนเลือด เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดแดง เป็นต้น ทั้งนี้ยังรวมถึงอาการบาดเจ็บของศีรษะด้วย
ลักษณะอาการ
ปัญหาด้านการทรงตัวของผู้สูงอายุจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุ มีตั้งแต่อาการเวียนหัว บ้านหมุน หน้ามืด มึน วิงเวียน รู้สึกโคลงเคลง เดินไม่ตรง ทรงตัวลำบาก ยืนหรือเคลื่อนไหวได้ไม่มั่นคง ตาพร่ามั่ว สับสนเรื่องทิศทางการเคลื่อนไหว หรือบางคนอาจเกิดอาการหน้ามืดฉับพลันทำให้เสียการทรงตัวนั่นเอง
การสูญเสียระบบการทรงตัว ส่งผลอย่างไรต่อผู้สูงอายุ?
จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า ผลข้างการเสียการทรงตัวและทำให้ผู้สูงอายุเกิดการพลัดตกหกล้มนั้น จะมีความรุนแรงที่ต่างการออกไป โดยในกรณีที่แย่ที่สุดคือ ผู้สูงอายุอาจเสียชีวิตเนื่องจากอวัยวะสำคัญ เช่น ศีรษะ กระดูกสันหลัง หรืออื่นๆ เกิดการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง หรือในกรณีหลังจากอุบัติเหตุ แล้วท่านอยู่ในช่วงการรักษาและพักฟื้น ผู้สูงวัยนั้นจะกลับมาแข็งแรงได้ช้ากว่าวัยอื่นๆ เพราะผู้สูงอายุเป็นช่วงวัยที่ร่างกายอ่อนแอและฟื้นฟูได้ช้า อีกทั้งร่างกายของผู้สูงอายุมักไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิมได้เมื่อเทียบกับคนวัยหนุ่มสาวนั่นเอง
แนวทางการรักษาและป้องกัน
1.แก้ไขสภาพแวดล้อม
การปรับสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ผู้สูงอายุใช้งานได้สะดวกนั้นเป็นสิ่งจำเป็น เช่น การติดตั้งราวจับตามทางเดิน การเพิ่มแสงสว่างให้ผู้สูงอายุมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น การจัดเครื่องเรือนไม่ให้ขวางทางเดิน บริเวณที่มีความเสี่ยงสูงที่ผู้สูงอายุจะหกล้มก็คือห้องน้ำ ควรเปลี่ยนโถสุขภัณฑ์เป็นแบบชักโครกเพราะใช้แรงลุกขึ้นยืนน้อยกว่าแบบนั่งยอง เป็นต้น ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่ผู้สูงอายุจะเกิดอุบัติเหตุได้
2.อุปกรณ์เสริม
ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการทรงตัวเพียงเล็กน้อยอาจจะต้องใช้ไม้เท้า (Cane) ช่วยพยุงขณะเดินนอกบ้าน ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการทรงตัวมาก แต่แขนยังมีกำลังดีและไม่มีอาการหลงลืม อาจจะสามารถใช้กรอบฝึกเดิน (Walker) ช่วยพยุงเพื่อให้เคลื่อนที่ไปทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ได้ด้วยตนเอง
3. ฟื้นฟูการทรงตัวของผู้สูงอายุด้วยกายภาพบำบัด / การออกกำลังกาย
นักกายภาพบำบัดจะออกแบบการออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการทำงานของการมองเห็น (Visual) การรับรู้ตำแหน่งของข้อต่อ (Proprioception) และการทำงานของหูชั้นใน (Vestibular system) หรือหากในผู้สูงอายุที่ระบบใดระบบหนึ่งมีปัญหามากๆ นักกายภาพบำบัดก็จะออกแบบการออกกำลังกายเพื่อสนับสนุนให้ระบบการทรงตัวที่เหลือมาทำหน้าที่ทดแทนระบบที่มีปัญหาได้
ท่ากายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูระบบทรงตัวสำหรับผู้สูงวัย
ฝึกการทรงตัว
- ท่าแรกให้ผู้สูงอายุหาหลักยึดที่มั่นคง เช่น เก้าอี้ ผนังห้อง เป็นต้น ฝ่าเท้าทั้งสองข้างชิดกัน นับ 1-30 เท่าหรือตามที่สะดวก เพิ่มความยากโดยค่อยๆ ปล่อยมือ หรือลดการเกาะลงเหลือเพียงมือเดียว หรือเพียงปลายนิ้ว เมื่อยืนปล่อยมือได้ดีอาจจะเพิ่มความยากขึ้นอีกด้วยการหาเบาะนุ่มๆ มารองใต้ฝ่าเท้า ก็จะยิ่งทำให้ทรงตัวได้ยากขึ้น
- ทำซ้ำกับท่าแรก แต่เปลี่ยนเป็นยืนส้นเท้าต่อปลายเท้า วิธีการเพิ่มความยากใช้วิธีเดียวกัน
- เดินโดยใช้ส้นเท้าต่อกับปลายเท้าเป็นเส้นตรงเท่าที่ไหว ท่านี้มีความเสี่ยงที่จะหกล้มสูงมาก ควรมีผู้ดูแลคอยเดินระวังอย่างใกล้ชิด
ฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
-
กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า
นั่งบนเก้าอี้ที่มีพนักพิงหลังตรง หายใจออก เหยียดเข่าข้างที่ต้องการออกกำลังกายให้สุด หายใจเข้า วางเท้ากลับเข้าที่เดิม สามารถเพิ่มความยากด้วยการผูกถุงทรายที่ข้อเท้าข้างที่ต้องการออกกำลังกาย การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงที่แนะนำไว้เบื้องต้นทั้งสองข้อ สามารถทำได้ 10-12 ครั้ง ต่อเซ็ต ทำ 1-3 เซ็ตต่อครั้ง วันละ 1-2 ครั้ง
-
กล้ามเนื้อน่อง
ให้ยืนเกาะวัสดุที่มันคง เช่น ขอบโต๊ะ หายใจออก เขย่งข้อเท้าขึ้นจนสุด หายใจเข้า กลับมายืน ฝ่าเท้าแนบพื้น สามารถเพิ่มความยากด้วยการรัดถุงทรายที่ข้อมือทั้งสองข้าง ท้ายที่สุด สิ่งที่สำคัญในการดูแลผู้สูงอายุคือความใส่ใจและความใกล้ชิดของคนในครอบครัว หากสมาชิกในครอบครัวไม่แน่ใจว่าต้องดูผู้สูงอายุอย่างไร ก็สามารถพาผู้สูงอายุท่านนั้นๆ เข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือ เข้ารับคำแนะนำจากนักกายภาพบำบัดอย่างถูกต้องนั่นเอง
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- กายภาพบำบัด คืออะไร? แบบไหนที่เหมาะกับคุณ
- เครื่องมือกายภาพ 5 แบบมีอะไรบ้างแต่ละแบบรักษาอย่างไร
- “โรคพาร์กินสัน” บำบัดได้ด้วยการทำกายภาพ