“ระบบกระดูก” กับ 5 โรคร้ายที่ควรรู้จักมีอะไรบ้าง
“ระบบกระดูก” ระบบที่สำคัญอีกระบบหนึ่งของร่างกายเพราะนอกจากอวัยวะที่สำคัญมากๆ อย่าง “หัวใจ” ที่คอยส่งเลือดหล่อเลี้ยงทั่วร่างกายและเราไม่สามารถขาดได้แล้ว ก็เห็นจะมี “กระดูก” อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนสำคัญที่คนเราขาดไม่ได้ เนื่องจากไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม เดิน นั่ง นอน ยืน รวมถึงการเคลื่อนไหวอื่นๆ เราก็จะมีกระดูกเป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำกิจกรรมดังกล่าวทั้งสิ้น การมีกระดูกที่แข็งแรงจึงเป็นเรื่องที่ดีมากๆ หากแต่เราจะทำได้หรือไม่?
“ระบบกระดูก” สำคัญกับร่างกายเรามากกว่าที่คุณคิด
“กระดูก” เป็นโครงประกอบภายในร่างกาย ประกอบไปด้วยกระดูกชิ้นต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยโครงสร้างของข้อต่อ เอ็น กล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน และอวัยวะต่าง ๆ กระดูกในมนุษย์ผู้ใหญ่มีประมาณ 206 ชิ้น และคิดเป็นประมาณ 20 เปอร์เซนต์ของน้ำหนักร่างกาย โดยโครงสร้างกระดูกของมนุษย์เรานั้น สามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ได้แก่ โครงกระดูกแกน และ โครงกระดูกรยางค์ โครงกระดูกแกนประกอบด้วย กระดูกสันหลัง กระดูกซี่โครง กระดูกอก กะโหลกศีรษะ และกระดูกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนโครงกระดูกรยางค์ ซึ่งเชื่อมกับโครงกระดูกแกน ประกอบด้วย กระดูกโอบอก กระดูกเชิงกราน และกระดูกของรยางค์บน และรยางค์ล่าง
โครงสร้างกระดูกของเรา มีกี่ประเภท?
-
กระดูกแกน
โครงกระดูกแกนในผู้ใหญ่ประกอบด้วยกระดูกจำนวน 80 ชิ้น ซึ่งวางตัวในแนวแกนกลางของลำตัว ได้แก่
1. กระโหลกศีรษะ จำนวน 22 ชิ้น
2. กระดูกหู จำนวน 6 ชิ้น
3. กระดูกโครงลิ้น จำนวน 1 ชิ้น
4. กระดูกสันหลัง จำนวน 26 ชิ้น
5. กระดูกซี่โครง จำนวน 26 ชิ้น
6. กระดูกอก จำนวน 1 ชิ้น
-
โครงกระดูกรยางค์
โครงกระดูกรยางค์ในผู้ใหญ่จะมีทั้งหมด 126 ชิ้น ซึ่งจะอยู่ในส่วนแขนและขาของร่างกายเพื่อช่วยในการเคลื่อนไหว โดยจะแบ่งออกเป็น 6 ส่วน ได้แก่
1. กระดูกส่วนไหล่ จำนวน 4 ชิ้น
2. กระดูกแขน จำนวน 6 ชิ้น
3. กระดูกมือ จำนวน 54 ชิ้น
4. กระดูกเชิงกราน จำนวน 2 ชิ้น
5. กระดูกขา จำนวน 8 ชิ้น
6. กระดูกเท้า จำนวน 52 ชิ้น
หน้าที่สำคัญของระบบกระดูกที่มีต่อร่างกาย
หลายๆ คนอาจไม่ทราบว่านอกจากจะมีหน้าที่คอยค้ำจุนร่างกายแล้ว กระดูกของเรานั้นยังมีหน้าที่สำคัญอีกหลายประการ เช่น คอยเป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อและเอ็นต่างๆ สำหรับการเคลื่อนไหว รวมถึงยังเป็นสิ่งที่คอยป้องกันอวัยวะภายในต่างๆ ของเราให้ปลอดภัย เช่นกะโหลกศีรษะที่ห่อหุ้มสมอง หรือซี่โครงป้องกันปอดและหัวใจจากการกระทบกระเทือน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่คอยผลิตเม็ดเลือกที่สำคัญและเป็นที่กักเก็บแคลเซียมและวิตามินอื่นๆ อีกด้วย
5 โรคที่เกี่ยวกับกระดูก
โรคที่เกี่ยวกับโครงกระดูกจะส่งผลต่อความแข็งแรงและความสามารถในการเคลื่อนไหวของร่างกายโดยตรง ความผิดปกติของโครงกระดูกที่พบบ่อยคือกระดูกหัก ซึ่งเกิดจากการที่กระดูกได้รับแรงที่มากเกินไป โดยส่วนมากอาจเกิดจากอุบัติเหตุ แต่ก็ยังมีโรคอื่นๆ ที่ตามมาได้อีก เช่น
1. กระดูกพรุน
คือภาวะที่ปริมาณแร่ธาตุ (ที่สำคัญคือแคลเซียม) ในกระดูกลดลง ร่วมกับความเสื่อมของเนื้อเยื่อที่ประกอบเป็นโครงสร้างภายในกระดูก ทำให้เนื้อหรือมวลกระดูกลดความหนาแน่น จึงเปราะบางแตกหักง่าย บริเวณที่พบการหักของกระดูกได้บ่อย ได้แก่ ข้อมือ สะโพก และสันหลัง เป็นต้น ซึ่งโรคนี้สามารถป้องกันได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างให้ดีขึ้น เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร ฯลฯ
2. ข้อเข่าเสื่อม
เกิดจากกระดูกอ่อนของข้อเข่า หรือผิวข้อสึกกร่อน เมื่อไม่มีผิวกระดูกอ่อนมาห่อหุ้ม เนื้อกระดูกที่มาชนกันขณะรับน้ำหนักจึงทำให้เกิดอาการเจ็บปวด ถ้าเกิดอาการเรื้อรัง กระดูกจะมีการซ่อมแซมตัวเองจนเกิดเป็นกระดูกงอกขรุขระขึ้นภายในข้อ ก็จะทำให้การเคลื่อนไหวติดขัด และมีเสียงดัง หากบ่อยเอาไว้จะทำให้เกิดอาการเจ็บเรื้อรังส่งผลให้กระดูกจะมีการซ่อมแซมตัวเองจนเกิดเป็นกระดูกงอกขรุขระขึ้นภายในข้อ ก็จะทำให้การเคลื่อนไหวติดขัดได้
3. โรคกระดูกเสื่อม
คือโรคที่มีการเสื่อมของกระดูกอ่อนของข้อที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อสะโพก ข้อมือ ข้อศอก ข้อไหล่ และข้อนิ้วมือนิ้วเท้า ซึ่งส่วนประกอบหลักของกระดูกอ่อนเหล่านี้คือน้ำและโปรตีน ที่จะทำให้กระดูกอ่อนมีความยืดหยุ่น ทนต่อแรงกระแทกและเสียดสี แต่เมื่อใช้ไปนานๆ ก็จะเกิดการเสื่อมและสึกหรอ เมื่อเสื่อมแล้วก็จะเกิดอาการปวดขัดตามข้อ ข้อโปนและผิดรูป มักพบในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานหนัก เช่น ชาวไร่ชาวนา กรรมกร เป็นต้น
4. กระดูกทับเส้น
คือปัญหาเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกอย่างหนึ่ง เกิดจากหมอนรองกระดูกที่อยู่บริเวณกระดูกสันหลังถูกทำลายจนเสียหาย ส่งผลให้ไปกดทับเส้นประสาท ณ ตำแหน่งที่กระดูกนั้นๆ เชื่อมต่อกัน และมักส่งผลให้หมอนรองกระดูกแตก และกระดูกอ่อนส่วนที่อยู่ภายในหมอนรองกระดูกโผล่ออกมา เมื่อหมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือกระดูกทับเส้นทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดและไม่สบายตัว หากกระดูกที่เคลื่อนออกมานั้นกดทับเส้นประสาท ผู้ป่วยอาจรู้สึกชา อ่อนแรง หรือเจ็บบริเวณแนวเส้นประสาทที่ถูกกดทับ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง อาจต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อรักษาหรือนำกระดูกที่ทับเส้นออกไป
5. ออฟฟิศซินโดรม
มักเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อมัดเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ไม่ค่อยได้เปลี่ยนท่าทาง รวมถึงอิริยาบถที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งไขว่ห้างเป็นประจำ การนั่งตัวงอ หรือการก้มหน้านาน ๆ เป็นต้น ทำให้กล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานซ้ำ ๆ มีการหดเกร็ง หรือยืดค้างในรูปแบบเดิมบ่อย ๆ จนกล้ามเนื้อมัดนั้น ๆ เกิดการบาดเจ็บ หรืออาจขมวดเป็นก้อนตึง และเกิดอาการปวดตามมา
อย่างไรก็ดี ทั้ง 5 โรคนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องก็บกระดูกเท่านั้น ยังมีอีกหลายโรคมากมายที่มีความร้ายแรงและควรเฝ้าระวังให้ดีทีเดียว ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำคือการดูแลกระดูกของเราให้ดี รับประทานอาหารที่เสริมความแข็งแรงของกระดูกและออกกำลังกายอย่างเสมอเพื่อให้เรามีสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายนั่นเอง
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- นั่งนาน ปวดหลัง แก้ได้ไม่ยาก
- ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Myofascial Pain Syndrome)
- ปวดหัว มึนหัว ปวดกระบอกตา คล้ายไมเกรน