ฟกช้ำ ดำ เขียว ประคบแบบไหนดีจึงจะหาย?
“ฟกช้ำ” อาการบาดเจ็บทางผิวหนังชนิดหนึ่งที่หลายๆ คนเคยพบเจอมาแล้ว ซึ่งบ้างก็มาจากการเล่นกีฬา บ้างก็มาจากอุบัติเหตุ และบ้างก็มาจากการเป็นโรคต่างๆ โดยรอยฟกช้ำเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วสามารถจางหายได้ตามระยะเวลา แต่ในบางรายหรือบางกรณีที่ไม่สามารถหายเองได้ ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องเข้าพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษา หรือถ้าหากทำการรักษาเองได้ที่บ้าน เราจะทำวิธีไหนได้บ้าง
ฟกช้ำ ดำ เขียว เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่?
เป็นอาการบาดเจ็บที่ผิวหนังอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นจากการที่มีเส้นเลือดฝอย (Capillary) จำนวนมากแตก จนมีเลือดสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ใน 1-2 ชั่วโมงจะค่อยๆ สลายแล้วมาคั่งรวมกัน ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง มีผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นรอยจ้ำช้ำสีคล้ำ ซึ่งเลือดคั่งนี้จะถูกดูดซึมและหายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ รอยช้ำ สามารถเกิดขึ้นเป็นปกติและค่อนข้างพบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย อย่างไรก็ตาม รอยช้ำก็มีทั้งแบบไม่อันตรายหายได้เอง และแบบที่ควรไปพบแพทย์
สาเหตุ
โดยส่วนมากแล้วรอยฟกช้ำ ดำ เขียว จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับแรงกระแทกตั้งแต่เบา ปานกลาง จนถึงขั้นรุนแรงทำให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังแตก และมีการรั่วของเลือดออกมาบริเวณรอบๆ ทำให้ผิวบริเวณที่ถูกกระแทกเปลี่ยนสีไป ซึ่งในช่วงแรกๆ จะเป็นสีม่วง แล้วเปลี่ยนเป็นสีเทา หรือเขียว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลในที่สุด โดยการเปลี่ยนสีนั้นจะสัมพันธ์กับการหายของรอยช้ำ ซึ่งจะใช้เวลาในการหาย 7-10 วัน สาเหตุอื่น ๆ ได้แก่
- การออกกำลังกายอย่างหนัก เช่น นักกีฬาและนักยกน้ำหนัก อาจทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังฉีกขาด
- โรคความผิดปกติเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด รอยช้ำที่เกิดขึ้นง่ายกว่าปกติ หรือไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด อาจเกิดจากการเจ็บป่วยด้วยโรคบางอย่าง โดยเฉพาะรอยช้ำที่เกิดขึ้นร่วมกับการมีเลือดกำเดาไหล หรือมีเลือดออกตามไรฟันอยู่บ่อยครั้ง
- การใช้ยาบางชนิด รอยช้ำมักเกิดขึ้นในขณะที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
อาการที่ถือว่าอันตราย
หากมากกว่า 10 วัน หรือราว 2 สัปดาห์แล้วรอยฟกช้ำ ยังไม่มีท่าทีว่าจะหาย แล้วเริ่มเกิดอาการมีไข้ เจ็บบริเวณรอยช้ำเพิ่มมากขึ้น รอยช้ำขยายวงกว้างมากขึ้น หรือมีรอยช้ำเกิดขึ้นบนร่างกาย แม้ว่าจะไม่ได้มีการกระแทกบริเวณดังกล่าว รอยช้ำเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคภัยที่ซ่อนอยู่ ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด และทำการรักษาอย่างตรงจุด
วิธีการประคบเมื่อเกิดการฟกช้ำ
-
ประคบน้ำแข็งในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
รอยช้ำจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับแรงกระแทกจนทำให้หลอดเลือดแตก ส่งผลให้เลือดไหลไปใกล้ผิวหนัง ดังนั้นเมื่อพบว่ามีรอยช้ำให้รีบทำการประคบเย็นทันที ความเย็นจะช่วยรักษารอยช้ำได้อย่างรวดเร็ว ทำให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังแข็งตัว ซึ่งวิธีการ ประคบเย็นที่ถูกต้อง จะต้องเอาน้ำแข็งใส่ถุงพลาสติกแล้วห่อผ้า ก่อนนำมาประคบ ไม่ควรใช้น้ำแข็งประคบที่ผิวหนังโดยตรง และต้องการประคบอย่างน้อย 20 นาที ให้ประคบต่อเนื่องแบบนี้ 48 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีรอยช้ำเขียว
-
ประคบร้อนหลังจากเวลาผ่านไป 48 ชั่วโมง
เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณที่ช้ำมากขึ้น ทำให้รอยช้ำหายเร็วขึ้น วิธีการคือ นำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น แล้วนำมาประคบที่รอยช้ำครั้งละ 10 นาที วันละ 2-3 ครั้ง
-
พักรอยช้ำไว้บนที่สูง
พักรอยช้ำไว้ให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายใน 24 ชั่วโมงแรก วิธีนี้สำคัญมาก หากคุณมีรอยช้ำ พยายามพัก อย่าใช้แรงร่างกายส่วนที่มีรอยช้ำให้มากนัก
-
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมในเรื่องระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
การกินอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุจะช่วยป้องกันการเกิดรอยช้ำและช่วยให้ระยะเวลาการฟื้นหายเร็วขึ้น ซึ่งอาหารกลุ่มนี้ได้แก่ ไข่ นม ผลไม้วิตามินซีสูง และผักสีเขียวเข้ม อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงรอยฟกช้ำที่เกิดจากการกระแทกเท่านั้น ซึ่งถ้าหากใครเกิดรอยช้ำโดยไม่ทราบสามารถและมั่นใจว่าไม่ได้รับการกระแทกจากไหนแน่ๆ ควรรีบไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรักษาให้ตรงจุด เนื่องจากรอยช้ำเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกโรคร้ายแรงต่างๆ ได้นั่นเอง ดังนั้น ทุกคนจึงควรหมั่นสังเกตตนเองเพื่อที่จะได้ทราบปัญหาสุขภาพและได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีนั่นเอง
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- นั่งนาน ปวดหลัง แก้ได้ไม่ยาก
- ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Myofascial Pain Syndrome)
- ปวดหัว มึนหัว ปวดกระบอกตา คล้ายไมเกรน