ปวดเท้าด้านใน อาการนี้อันตรายหรือไม่?
“ปวดเท้าด้านใน” หลายๆ คนอาจมองว่าเป็นปัญหาธรรมดาทั่วไป เนื่องจากในปัจจุบันใครๆ ก็สามารถปวดเท้าได้ไม่ว่าจะเป็นเพศใดหรืออายุเท่าไหร่ก็ตาม อาจจะด้วยเพราะกิจกรรมที่ทำในระหว่างวันที่อาจทำให้เกิดอาการปวดเท้าเช่นนี้ขึ้นมาก็เป็นได้ อย่างไรก็ดี หากปวดแบบทราบสาเหตุก็ดีไป หากแต่ในบางรายดันปวดเท้าขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ ซึ่งอาจเป็นข้อสังเกตได้ว่าเป็นอาการข้างเคียงที่เกิดจากเอ็นร้อยหวายอักเสบโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวหรือเปล่า
“ปวดเท้าด้านใน” เกิดจากอะไร และเกิดบริเวณใดของเท้าได้บ้าง?
เนื่องจากการปวดเท้านั้นมีความหลากหลายซ่อนอยู่ เพราะบ้างก็เกิดจากการปวดเมื่อธรรมดา และบ้างก็อาจจะมาจากโรคบางชนิดที่ผู้ป่วยอาจไม่รู้ตัว นั่นจึงทำให้มีการปล่อยให้อาการปวดเท้าด้านในเช่นนี้ให้มีการเจ็บปวดมาเป็นเวลายาวนาน อย่างไรก็ดีหากเป็นโรคร้ายแรงจริง เช่น เอ็นร้อยหวายอักเสบ ข้อกระดูกอักเสบ เป็นต้น ต้องได้รับการรักษา เพราะมิเช่นนั้นจะยิ่งส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตโดยตรง
สาเหตุของการปวดเท้าด้านใน
-
เส้นเอ็นร้อยหวายอักเสบ
เกิดจากการใช้งานซ้ำ และทำให้เกิดความเครียดต่อเส้นเอ็น เช่นการวิ่งที่มากเกินไป หรือวิ่งเพิ่มระยะทางและเวลาอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ปล่อยให้ร่างกายสร้างความคุ้นเคยเพื่อปรับตัว และขาดการยืดกล้ามเนื้อที่เพียงพอจึงก่อให้เกิดอาการนี้
-
ปมประสาทเท้าอักเสบ
เนื่องจากเนื้อเยื่อรอบเส้นประสาทที่เชื่อมกับนิ้วเท้าเกิดการบวมขึ้น จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บตรงบริเวณเนินเท้า โดยนอกจากนี้อาจมีอาการช้ำร่วมด้วย
-
เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ
ผู้ป่วยเอ็นฝ่าเท้าอักเสบจะรู้สึกเจ็บปวด มีอาการกดเจ็บบริเวณส้นเท้าและฝ่าเท้า ซึ่งจะมีอาการที่รุนแรงขึ้นหลังจากที่ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่ต้องยืนหรือใช้เท้าเป็นเวลานานๆ รวมทั้งจะมีอาการปวดเมื่อเดินด้วย
ลักษณะอาการ
การปวดเท้าด้านในนั้น สามารถเกิดขึ้นกับเท้าข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างก็ได้ โดยอาการทั่วไป ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บ จี๊ดๆ หรือ แปลบๆ ที่เท้า โดยในบางครั้งอาจคล้ายการถูกไฟช็อต ซึ่งจากที่กล่าวไปข้างต้น ผู้ป่วยจะมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นเมื่อต้องกิจกรรมที่ต้องใช้เท้านานๆ เช่น การยืนนานๆ การเดินนานๆ อย่าต่อเนื่อง แต่ในบางรายก็มีอาการตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าด้วย ทั้งนี้ผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการที่แตกต่างกันไปซึ่งจะแล้วแต่กรณีไป
วิธีการรักษา
-
รักษาโดยแพทย์
จากที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ความรุนแรงของอาการของผู้ป่วยแต่ละคนนั้นจะแล้วแต่กรณีไป ดังนั้น ในการแนะนำผู้ป่วยแต่ละคนของแพทย์นั้นก็จะเกิดขึ้นหลังจากการวินิจฉัยด้วยกันทั้งสิ้น เพราะในบางรายก็อาจแค่ทำตามแนะนำของแพทย์ เช่น ทานยา ปรับพฤติกรรมบางอย่าง พักที่บ้านได้ เพราะอาการไม่รุนแรงมาก แต่หากวินิจฉัยออกมาแล้วพบว่าผู้ป่วยมีโรคร้ายแรงดังที่กล่าวไว้ ก็ต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมไปถึงการผ่าตัดด้วยนั่นเอง
-
รักษาด้วยตนเอง
ในการรักษาเช่นนี้ ผู้ป่วยต้องมีความเข้มงวดกับตนเองพอสมควร เนื่องจากต้องอยู่ในความดูแลของตนเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งวิธีที่จะสามารถป้องกันหรือดูแลบรรเทาอาการปวดเท้าได้นั้น ผู้ป่วยสามารถทำได้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น
1.คุมน้ำหนัก
บางรายต้องเริ่มคุมน้ำหนักเนื่องจากน้ำหนักที่เกินมาตราฐานนั้นทำให้เท้ารับน้ำหนักมากเกินไป จึงทำให้การปวดเท้าเกิดขึ้นมา
2.ยืดเส้นยืดสาย
หากผู้ป่วยท่านใดที่ชอบออกกำลังกายเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ก็จำเป็นต้องอบอุ่นร่างกายโดยการยืดเส้นยืดกล้ามเนื้อเสียก่อน รวมถึงเท้าด้วยก็เช่นกัน
3.สวมรองเท้าเสมอ
ไม่ว่าจะออกไปที่ไหนหรือแม้แต่อยู่ในบ้านก็ตาม หากในช่วงนั้นผู้ป่วยมีอาการปวดเท้า ก็ควรสวมรองเท้าไว้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วย
ตัวอย่างกิจกรรมและท่าบริหารเพื่อยืดกล้ามเนื้อฝ่าเท้า
ท่าที่ 1 ฝ่าเท้า vs ลูกบอล-ลูกเทนนิส
โดยกิจกรรมนี้สามารถทำได้ง่ายๆ โดยให้ผู้ป่วยนำลูกบอลหรือลูกที่มีขนาดพอดีกับฝ่าเท้ามาเหยียบไว้แล้วใช้ฝ่าเท้าเหยียบคลึงไปทั่วๆ ฝ่าเท้านั่นเอง
ท่าที่ 2 ฝ่าเท้า vs ผ้าขนหนู
ท่านี้สามารถทำได้โดยให้ผู้ป่วยนั่ง และยืดขาที่เท้ามีอาการเจ็บออกไปให้มีความตึง หลังจากนั้นก็ให้น้ำผ้าขนหนูคล้องไว้กับเท้าข้างนั้นๆ และใช้มือดึงผ้าเข้าหาตัว จนรู้สึกว่าตั้งแต่เท้า น่อง และต้นขามีอาการตึง ก็ให้ทำค้างไว้ประมาณ 15-20 วินาที
ท่าที่ 3 กดปลายเท้า
ท่านี้ให้ผู้ป่วยนั่งและนำเท้าข้างที่ปวดขึ้นมาวางไว้บนเข่าของขาอีกข้าง หลังจากนั้นก็ใช้มือดันปลายนิ้วของเท้าข้างนั้นขึ้น และทำดันข้างไว้จนตึงประมาณ 15-20 วินาที ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดให้ทุเลาลงได้ ท้ายที่สุด ไม่ว่าอาการปวดเท้าจะเป็นแบบใด สิ่งที่ผู้ป่วยทุกคนควรทำคือ หากมีอาการต้องรีบไปปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทันที ไม่ควรชะล่าใจ เนื่องจากในปัจจุบันมีโรคต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ อีกทั้งสามารถเป็นได้ในผู้ป่วยที่มีอายุน้อยด้วยนั่นเอง ดังนั้น มันจึงเป็นเหตุผลที่ดีที่เราไม่ควรจะละเลย เพื่อที่จะรักษาสุขภาพเท้าของเราให้ดีเพื่อการใช้ชีวิตที่ดีและมีความสุขนั่นเอง ——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- ข้อเท้าเคล็ด vs ข้อเท้าแพลง ต่างกันอย่างไร?
- “ข้อเท้าอักเสบ”อย่าละเลย ปล่อยไว้อาจเจ็บเรื้อรัง
- บริหารข้อเท้า 5 ท่าง่ายๆ สำหรับผู้กำลังฟื้นฟูหลังการบาดเจ็บ