“ปวดหัวแบบคลัสเตอร์” ปวดหัวเป็นจุดๆ อันตรายหรือไม่?
“ปวดหัวแบบคลัสเตอร์” เป็นชื่อเรียกของอาการปวดหัวแบบกลุ่มหรือปวดแบบหลายจุดนั่นเอง โดยอาการเช่นนี้เป็นความผิดปกติของเส้นประสาทคู่ที่ 5 ซึ่งจะมีอาการปวดอย่างรุนแรงด้านเดียวบริเวณรอบตา เหนือเบ้าตา หรือขมับ และอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ตาแดง น้ำตาไหล เหงื่อออก เป็นต้น อย่างไรก็ดี อาการปวดหัวเช่นนี้ควรรักษาให้หาย มิเช่นนั้นจะเกิดการเรื้อรังและส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก
“ปวดหัวแบบคลัสเตอร์” เกิดจากอะไร มีอาการอย่างไรบ้าง?
อาการปวดหัวเช่นนี้ คือ อาการปวดหัวแบบกลุ่มหรือปวดแบบหลายจุด เป็นความผิดปกติของเส้นประสาทคู่ที่ 5 ซึ่งจะมีอาการปวดอย่างรุนแรงด้านเดียวบริเวณรอบตา เหนือเบ้าตา หรือขมับ ระยะเวลาในการปวดแต่ละครั้งสามารถเป็นได้ตั้งแต่ หลายชั่วโมง ปวดหลายๆ วันติดกัน หรือปวดทุกๆ สัปดาห์ก็ได้เช่นกัน ซึ่งแต่ละครั้งที่ปวดก็จะปวดครั้งละหลายนาที อาจจะ 15 นาที – 3 ชั่วโมง โดยประมาณ
สาเหตุของการเกิดอาการปวดหัวคลัสเตอร์
สาเหตุของปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์เชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทสมอง คู่ที่ 5 ที่ทำหน้าที่รับความรู้สึกบนใบหน้า ระบบประสาทอัตโนมัติและหลอดเลือด ซึ่งสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ แต่พบเป็นจำนวนน้อย
สำหรับปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะคลัสเตอร์ ได้แก่
-
ดื่มแอลกอฮอล์
-
สูบบุหรี่
-
ออกกำลังกายอย่างหนัก
-
กลิ่นที่รุนแรง
-
อุณหภูมิที่สูงขึ้น
ลักษณะอาการ
อาการปวดศีรษะ Cluster เป็นอาการปวดศีรษะมาแบบชุดๆ ตำแหน่งที่ปวดคือบริเวณหลังตาหรือบริเวณขมับ มักเป็นในผู้ชาย มักจะปวดตอนกลางคืนจนต้องลุกขึ้นมา ลักษณะปวดคล้ายถูกเข็มแทง มักจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ตาแดง น้ำตาไหล น้ำมูกไหล เหงื่อออกบริเวณใบหน้าข้างที่ปวด โรคนี้บางครั้งอาจจะไม่ปวดเลยเป็นเวลาปี
แนวทางการรักษาและป้องกัน
รักษาด้วยยา
เนื่องจากโรคนี้บางครั้งเป็นแค่ 30 นาทีแล้วหาย การใช้ยาอาจไมจำเป็น ยาที่ใช้มีดังนี้
- Ergotamin ใช้ป้องกันการเกิดอาการปวดศีรษะได้ดี
- Oxygen inhalation การให้ oxygen 100% สามารถช่วยลดอาการปวดศีรษะได้ดี
- Sumatriptan ใช้ได้ผลดี
การป้องกันด้วยการดูแลตนเอง
สำหรับการป้องกันโรคปวดศีรษะแบบกลุ่มนั้นคือการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ใช้สายตาอย่างเหมาะสม ที่สำคัญ หากมีอาการปวดหัวจนส่งผลกระทบกับกิจวัตรประจำวันควรตรวจเช็กกับแพทย์ทันที อย่างไรก็ดี การปวดหัวเช่นนี้เป็นอาการที่ไม่ควรวางใจ แม้จะสามารถหายได้เองในเวลาอันสั้น แต่ผู้ป่วยก็ไม่ควรปล่อยให้กลับมาเป็นซ้ำอีก ดังนั้น จึงควรดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อน และออกกำลังกายตามคำแนะนำข้างต้น และถ้าหากเกิดอาการบ่อยและรุนแรงจนเกินควบคุมก็ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพต่อไป
———————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- ปวดหัวตุ้บๆ ข้างขวา อาการแบบนี้เป็นไมเกรนหรือเปล่า?
- โรคหลอดเลือดสมอง: สัญญาณอันตรายของอัมพาต
- นั่งนานปวดเอว หากไม่รีบแก้อาจเป็นเรื้อรัง