ขาอ่อนแรงในวัยทำงาน เกิดจากอะไร หายขาดได้หรือไม่?
ขาอ่อนแรงในวัยทำงาน เป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตราย เนื่องจากส่วนใหญ่คนในวัยทำงานจะไม่รู้ตัวเลยว่าอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไรเนื่องจากมีหลายปัจจัยเสี่ยงมากๆ ที่ทำให้คนวัยทำงานเกิดอาการกล้ามเนื้อแขนหรือขาอ่อนแรง ทั้งนี้ แม้ชื่อโรคจะฟังดูแล้วไม่มีอะไร แต่ต้องบอกก่อนเลยว่ากล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงนั้น หากเกิดในผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้สูงอายุ อาจทำให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว โดยยังไม่รวมถึงภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่ตามมา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนวัยทำงานจึงต้องทำความรู้จักกับอาการเช่นนี้เอาไว้ขาอ่อนแรงในวัยทำงาน เกิดจากอะไร เป็นสัญญาณจากโรคร้ายแรงหรือไม่?
ขาอ่อนแรงเป็นอาการที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นในวัยเด็กจนถึงวัยชรา เช่น ขาอ่อนแรงในเด็กที่มีผลมาจากพัฒนาการของสมองผิดปกติ ขาอ่อนแรงในวัยกลางคนเนื่องจากมีภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท อุบัติเหตุหรือมีภาวะหลอดเลือดสมองอักเสบ รวมทั้งวัยสูงอายุที่มีการเคลื่อนไหวน้อยลง ประกอบกับสมรรถภาพทางร่างกายที่ถดถอยส่งผลให้มวลกล้ามเนื้อน้อยลงจึงอาจทำให้กล้ามเนื้อฝ่อลีบ ก็มักจะพบการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อขาร่วมด้วยเช่นกันแขนขาอ่อนแรง คืออะไร?
เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ หรือเซลล์ประสาทนำคำสั่ง จึงส่งผลให้แขนขาอ่อนแรงลง หรืออาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น กลืนลำบาก พูดไม่ชัด พูดไม่ออก อาการแขนขาอ่อนแรง มักจะเริ่มต้นจากบริเวณมือ แขน ขา หรือเท้าข้างใดข้างหนึ่งก่อน อาจจะเป็นในลักษณะ ยกแขนไม่ขึ้น กำมือไม่ได้ หยิบจับของอะไรแล้วหล่นง่าย จากนั้น หากมีอาการที่หนักหรือรุนแรงขึ้น ก็จะเริ่มลุกลามไปสู่อวัยวะอื่นๆ โดยอาจเป็นไปในลักษณะของการอ่อนแรงครึ่งซีก หรือทั้งตัว ซึ่งหากพบสัญญาณดังกล่าว นั่นเป็นการเตือนว่า มีความผิดปกติของโรคที่อยู่ในระดับอันตรายแล้วสาเหตุของขาอ่อนแรง มีอะไรบ้าง?
1. ขาอ่อนแรงจากระบบประสาท
รวมความผิดปกติของสมอง ไขสันหลังและเส้นประสาท ซึ่งทำหน้าที่สั่งการให้กล้ามเนื้อเกิดการเคลื่อนไหว เช่น การอ่อนแรงจากโรคหลอดเลือดสมอง การอ่อนแรงจากเส้นประสาทถูกกดทับหรือได้รับบาดเจ็บ2. ขาอ่อนแรงจากระบบกล้ามเนื้อ
เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นโดยตรงกับกล้ามเนื้อบริเวณขา ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว เช่น การฝ่อลีบจากการไม่ได้ใช้งาน3. ขาอ่อนแรงจากการไม่ได้ใช้งาน
มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่นอนติดเตียงนาน ๆ หรือเกิดขึ้นตามธรรมชาติในผู้สูงอายุที่เมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากการเคลื่อนไหวของร่างกายที่น้อยลงทำให้กล้ามเนื้อฝ่อลีบ4. ขาอ่อนแรงจากโรคภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ
เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอ็มจี (Myasthenia Gravis) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดเอแอลเอส (Amyotrophic Lateral Sclerosis) เป็นโรคที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีผลให้เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อบางส่วน หรืออ่อนแรงทั้งร่างกายได้5. ขาอ่อนแรงที่เกิดจากระบบหัวใจและหลอดเลือด
ความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ และโรคหัวใจ เป็นต้น ทำให้ผู้ป่วยเหนื่อยง่าย อ่อนล้า และสมรรถภาพโดยรวมของร่างกายลดลงก็อาจทำให้ร่างกายอ่อนแรงลงแขนขาอ่อนแรง อันตรายอย่างไร?
ความร้ายกาจของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง คือ ผู้ป่วยจะยังคงทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตต่างๆ ได้เป็นปกติในช่วงแรกๆ ของวัน แต่หลังจากนั้นจะค่อยๆ มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเกิดขึ้นได้ ซึ่งหากผู้ป่วยได้หยุดพักหรือหยุดใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นไปชั่วขณะ ก็สามารถฟื้นฟูให้กล้ามเนื้อกลับมาใช้งานตามปกติได้อีกเช่นเดียวกัน แต่คงดีกว่าหากผู้ป่วยไม่ปล่อยให้อาการของกล้ามเนื้ออ่อนแรงเกิดขึ้นซ้ำๆ แบบเรื้อรัง เพราะความรุนแรงของโรคยังทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาได้ เช่น- ภาวะหายใจล้มเหลว จากความผิดปกติของกล้ามเนื้อที่ใช้หายใจ
- ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ จากการทำงานที่ผิดปกติของต่อมไทรอยด์
- ความเสี่ยงต่อการสำลัก จากความผิดปกติของกล้ามเนื้อลำคอ
- ความเสี่ยงต่อโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรคพุ่มพวง (SLE)
แขนขาอ่อนแรง อาการจากโรคหลอดเลือดสมอง
แขนขาอ่อนแรงนั้น เกิดจากภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง หรือมีเลือดออกและไปเบียดทับเนื้อสมอง ภาวะสมองขาดเลือด ส่วนใหญ่จะเกิดจากหลอดเลือดสมองตีบ (Ischemic stroke) หรือหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic stroke) คือผนังหลอดเลือดแตก ทำให้มีเลือดคั่งในเนื้อสมอง โดยโรคนี้ถือว่าร้ายแรงเป็นอย่างมาก เพราะมีโอกาสทำให้เกิด อัมพฤกษ์ อัมพาต (แขนและขาอ่อนแรงครึ่งซีก) ทำให้มีปัญหาทางด้านความคิด สูญเสียความจำ มีปัญหาทางด้านการพูด ขั้นที่รุนแรงมาก คือ อาจเสียชีวิตได้ สิ่งสำคัญที่เราต้องรู้คือ อาการแขนขาอ่อนแรงจากโรคหลอดเลือดสมองตีบนี้มักจะเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันทันทีทันใด ดังนั้นถ้าพบอาการแขนขาอ่อนแรงเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ เพื่อให้การรักษาและวินิจฉัยโดยด่วนวิธีการรักษาอาการขาอ่อนแรง
การรักษาอาการขาอ่อนแรงโดยการกายภาพบำบัดขาในเบื้องต้น ควรได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดก่อน เพื่อจะได้มีวิธีการฟื้นฟูอย่างถูกต้อง ซึ่งการรักษาจะรักษาตามการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้1. กล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดที่ขาดเส้นประสาทมาเลี้ยง
เนื่องจากเส้นประสาทที่เป็นทางเดินของกระแสประสาทถูกตัดขาด ทำให้กระแสประสาทไม่สามารถเดินทางไปสั่งการให้กล้ามเนื้อหดตัวได้ กล้ามเนื้อจึงฝ่อลีบลง ปัจจุบันการฟื้นฟูด้วยการกระตุ้นไฟฟ้า เป็นวิธีเดียวในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่ขาดประสาทมาเลี้ยง เพื่อสั่งการให้กล้ามเนื้อหดตัว ทำให้ชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อได้ นอกจากการรักษากล้ามเนื้อด้วยการกระตุ้นไฟฟ้าแล้วควรมีการออกกำลังกายร่วมด้วย เพื่อป้องกันข้อต่อติดขัดจากการไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน ซึ่งอาจจะต้องให้นักกายภาพบำบัดช่วยเหลือ หรือใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงเดินในการเริ่มต้นออกกำลังกายได้2. กล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดที่ยังมีเส้นประสาทมาเลี้ยง
กรณีของกล้ามเนื้อที่ยังมีเส้นประสาทมาเลี้ยง การฟื้นฟูจะมุ่งเน้นไปที่การออกกำลังกายตามความสามารถของกล้ามเนื้อของผู้ป่วย และมักใช้วิธีออกกำลังกายแบบช่วยเหลือ โดยอาจจะให้นักกายภาพบำบัดช่วยจัดท่าและออกแรงช่วยในการออกกำลังกาย หรือหากผู้ป่วยพอมีแรงออกกำลังกายเอง เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อการหกล้ม จึงต้องอาศัยเครื่องมือออกกำลังกายชนิดต่างๆ เช่น เครื่องแขวนทางกายภาพบำบัด (Suspension) หรืออุปกรณ์ช่วยเดิน(Gait Trainer) อื่นๆวิธีการออกกำลังกายและฟื้นฟูตนเองเบื้องต้นที่บ้าน เมื่อมีอาการขาอ่อนแรง
หลังจากพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อคัดกรองอาการขาอ่อนแรงที่เป็นสัญญาณของโรคหรือความผิดปกติที่รุนแรงแล้ว คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับผู้ที่มีอาการขาอ่อนมีดังนี้ออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadricep exercise)
เริ่มจากนั่งบนเก้าอี้ให้มั่นคง เหยียดเข่าข้างที่อ่อนแรงออกไปด้านหน้าให้สุด ถ้าทำได้ดีอาจจะเพิ่มความยากด้วยการใช้ถุงทราย (Weight cuff) ถ่วงที่ข้อเท้า เริ่มจากน้ำหนักน้อยๆ และค่อยๆ ปรับให้น้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง (Hamstring exercise)
นอนคว่ำบนเตียงค่อยๆ พับเข่าข้างที่อ่อนแรงจนส้นเท้าสัมผัสก้น ถ้าทำได้ดีอาจจะเพิ่มความยากด้วยการใช้ถุงทรายถ่วงที่ข้อเท้า เริ่มจากน้ำหนักน้อยๆ แล้วค่อยๆ ปรับให้น้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อน่อง (Triceps surae)
ยืนเกาะวัสดุที่มั่นคง เช่น ขอบโต๊ะ หายใจออก เขย่งปลายเท้าจนสุด หายใจเข้า และค่อยกลับมายืนตำแหน่งเดิม อย่างไรก็ดี ขาอ่อนแรงเป็นอาการที่พบได้บ่อย การหมั่นสังเกตตัวเองจะช่วยทำให้เข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญและเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งมักจะให้ผลการรักษาที่น่าพอใจกว่า บางรายอาจจะมีการอ่อนแรงชัดเจนขณะเดิน บางรายอาจจะมีอาการอ่อนแรงขณะเดินขึ้นลงบันไดเท่านั้น นอกจากนี้การอ่อนแรงแบบเฉียบพลันภายใน 1-2 วันยังเป็นอาการแสดงของโรคหลอดเลือดสมองได้ หากมีอาการผิดปกติ ผู้ป่วยควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดทันที ——————————–ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- ปวดเอวเวลานอน-สาเหตุการนอนไม่หลับ แก้ยังไงดี
- “ปวดหลังเรื้อรัง” 6 พฤติกรรมที่ทำให้คุณปวดหลังแบบไม่รู้ตัว
- “ฝังเข็ม” วิธีรักษาทางกายภาพบำบัดของโรคออฟฟิศซินโดรม