ก้าวเดินช้า เดินไม่ออก เกิดจากอะไร เสี่ยงโรคร้ายแรงหรือไม่?
ก้าวเดินช้า เดินไม่ออก เป็นอาการที่มักพบในผู้สูงอายุเสียเป็นส่วนใหญ่ เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไป สมรรถภาพทางร่างกายก็จะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย แต่ก็ใช่ว่าผู้สูงอายุทุกคนจะมีอาการนี้ การเดินไม่ออก หรือ ก้าวช้าลง หากไม่ใช่อาการปกติ ก็ถือว่าเป็นสัญญาณโรคชนิดหนึ่งนั่นคือ ภาวะโพรงน้ำในสมอง ซึ่งหลายคนคงคิดว่าเป็นอาการของโรคอัลไซเมอร์ หรือ โรคสมองเสื่อม แต่ความจริงแล้วมีภาวะอาการทางสมองชนิดหนึ่งที่ทำให้มีอาการตามนี้ อย่างไรก็ดี โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ แต่สามารถทำได้โดยวิธีใดนั้น ในบทความนี้มีคำตอบ
ก้าวเดินช้า เดินไม่ออก เกิดจากโรคอะไร รักษาอย่างไรให้หาย?
ร่างกายของมนุษย์เราเมื่อผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนานตามกาลเวลา ก็มักจะเกิดความแปรปรวนของระบบต่างๆ ตามความเสื่อมลงของช่วงอายุ ซึ่งอาการที่พบมากในผู้สูงอายุ คือ อาการเดินเซ ความทรงจำแย่ลง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นต้น
โรคน้ำเกินในโพรงสมองคืออะไร
โดยปกติสมองจะมีโพรงอยู่ภายใน ในโพรงสมองมีน้ำเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (cerebrospinal fluid: CSF) ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันสมองและไขสันหลังจากแรงกระทบกระแทกภายนอก สมองจะผลิตน้ำเลี้ยงสมองและไขสันหลังในปริมาณที่เพียงพอทุกวันและดูดซึมในปริมาณที่เท่าๆกับที่ผลิต แต่เมื่อสมองมีการดูดซึมน้ำที่ผิดปกติไป น้ำเลี้ยงสมองและไขสันหลังจะคั่งและดันให้โพรงสมองมีขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้มีน้ำเกินในโพรงสมอง
อาการของโรคน้ำเกินในโพรงสมอง
อาการของโรคจะมีความผิดปกติอยู่ 3 ส่วนหลักๆ อาการเริ่มแรกที่มักปรากฏให้เห็นคือปัญหาการเดินและการทรงตัว โดยอาการของโรค มีดังนี้
- เดินก้าวแรกด้วยความยากลำบาก (gait apraxia) รู้สึกเหมือนเท้าติดอยู่กับพื้น (magnetic gait) ยกเท้าลำบาก ก้าวสั้นๆ ร่วมกับการทรงตัวที่ผิดปกติ
- สมองทำงานช้าลง ความจำเสื่อมลง จำเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปชั่วครู่ไม่ได้ ไม่มีสมาธิ เชื่องช้า ขาดความสนใจสิ่งรอบตัว ซึมหลับง่าย
- ควบคุมการถ่ายปัสสาวะไม่ได้ อาการที่สำคัญ คือ ปัสสาวะราดออกมาโดยไม่บอก ไปห้องน้ำไม่ทัน และบางครั้งอาจควบคุมการถ่ายอุจจาระไม่ได้
สาเหตุของโรค
ถึงแม้ไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคอย่างแน่ชัด แต่ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค คือ
- อายุมากกว่า 60 ปี
- เลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง
- บาดเจ็บที่ศีรษะ
- เนื้องอกในสมอง
- เคยได้รับการผ่าตัดสมอง
- ติดเชื้อในสมอง
แนวทางการรักษาทางการแพทย์
โดยทั่วไปรักษาได้โดยการผ่าตัดฝังอุปกรณ์ท่อระบายน้ำซึ่งมีลิ้นเปิดปิด (Shunt) เพื่อระบายของเหลวจากโพรงสมองหรือโพรงระดับสันหลังไปยังอวัยวะส่วนอื่นของร่างกายที่สามารถดูดซึมน้ำได้ เช่น เยื่อบุช่องท้อง (peritoneum) ที่สามารถดูดซึมน้ำในร่างกายได้อย่างปลอดภัย
แนวทางการฟื้นฟูผู้ป่วยด้วยกายภาพบำบัด
กายภาพบำบัดก็เป็นอีกหนึ่งการรักษาที่สำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูการเดิน ลดความเสี่ยงในการล้ม และกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติมากที่สุด หรือในปัจจุบันมีการทำกายภาพบำบัดที่บ้านได้ การรักษากายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องจึงมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การฟื้นฟูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
กิจกรรมกายภาพบำบัดสำหรับฟื้นฟูการเดินให้ผู้ป่วยโรคน้ำเกินในโพรงสมอง
เนื่องจากผู้ป่วยในโรคนี้มักพบมากในผู้สูงอายุ ดังนั้น กิจกรรมตัวอย่างที่กำลังนำเสนอดังต่อไปนี้จะเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายเบาๆ เพื่อให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ และสามารถนำมาประยุกต์กับผู้ป่วยที่อายุน้อยได้ ตามความเหมาะสมของอายุ ดังนี้
เดินออกกำลังกาย
เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ทั้งครอบครัว ซึ่งหากผู้ป่วยคนไหนที่มีอาการค่อนข้างรุนแรง เริ่มแรกอาจออกกำลังกายในบริเวณห้องหรือบ้านก่อน หลังจากนั้นเมื่อมีความคล่องแคล่วขึ้นก็ค่อยออกนอกพื้นที่ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่สำหรับผู้สูงอายุทั่วไป การเดินออกกำลังกายที่เหมาะสมควรเริ่มต้นที่ 10 นาทีต่อ 1 ครั้งที่ออกกำลังกาย และเพิ่มได้ตามกำลัง แต่สำหรับผู้ป่วยโรคน้ำเกินในโพรงสมองอาจกำหนดเวลาตามแรงกำลังที่ไหวก่อน แล้วค่อยเพิ่มเวลา
การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการทรงตัว
ผู้สูงอายุจะมีความสามารถในด้านต่างๆของการทรงตัวลดลง เช่น ความคล่องตัวของการเดิน การทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อและข้อต่อ เป็นต้น ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำเดินเซ สะดุดและการล้มตามมา การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการทรงตัวสามารถทำได้โดย ลดความกว้างของฐานการยืนทรงตัว จากมากไปน้อย มีการปรับเปลี่ยนจุดศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วง รวมถึงการลดความช่วยเหลือจากการใช้มือประคอง เป็นต้น
การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
ผู้สูงอายุจะมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง เป็นผลมาจากเส้นใยในกล้ามเนื้อลดลงส่งผลให้ขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง ทำให้ความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวันลดลงและนำไปสู่ภาวะพึ่งพิงผู้อื่นตามมา ควรออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทั้งแขนและขา โดยเน้นที่ขาเนื่องจากขาเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่จะสูญเสียความแข็งแรงได้มากกว่าและควรคำนึงถึงท่าทาง ความสามารถของผู้สูงอายุในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การฝึกลุกนั่งไปยังท่ายืน และการกลับลงสู่ท่านั่ง เป็นต้น อย่างไรก็ดี หากพบอาการเดินผิดปกติของผู้สูงอายุอาจเกิดจากโรคอื่นๆ เช่น โรคพาร์กินสัน โรคเข่าเสื่อม โรคกระดูกสันหลัง นอกจากนี้ยังมีอาการหลงลืมของโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งโรคต่างๆ เหล่านี้สามารถพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ จึงทำให้การวินิจฉัยภาวะน้ำเกินในโพรงสมองทำได้ลำบาก ดังนั้น หากมีอาการของโรคสมองเสื่อม หรือ เดินเซ ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมินว่า เกิดจากภาวะโพรงน้ำในสมองโตหรือไม่ ช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างทันท่วงที
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- เครื่องมือกายภาพ 5 แบบมีอะไรบ้างแต่ละแบบรักษาอย่างไร
- สูญเสียการทรงตัว-ปัญหาในผู้สูงอายุที่กายภาพช่วยได้
- “ฝังเข็ม” วิธีรักษาทางกายภาพบำบัดของโรคออฟฟิศซินโดรม