“การบาดเจ็บจากกีฬา” ปัญหาที่แก้ได้ด้วยกายภาพ
“การบาดเจ็บจากกีฬา” นับว่าเป็นเรื่องปกติของชีวิตคนเรา โดยเฉพาะกับผู้ที่ชอบออกกำลังกายและเล่นกีฬา การเกิดอาการเป็นเจ็บจึงนับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเหล่านี้ไปแล้วก็ว่าได้ อย่างไรก็ดี เมื่อบาดเจ็บแล้ว หากบาดเจ็บเล็กน้อย ใช้เวลา 1-2 วันก็หายก็ถือว่าดีไป แต่ถ้าหากในกรณีที่บาดเจ็บอย่างหนัก ต้องใช้เวลาร่วมเดือนกว่าจะกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างปกติ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการทำ กายภาพบำบัด จึงจำเป็นสำหรับการฟื้นฟูการบาดเจ็บจากกีฬา
“การบาดเจ็บจากกีฬา” สามารถบาดเจ็บแบบใดได้บ้าง?
ในการออกกำลังกายนั้น หากออกกำลังกายไม่ถูกวิธี ไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้เล่น หรือออกกำลังกายในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ตั้งแต่เกิดจากบาดเจ็บเล็กน้อยถึงบาดเจ็บที่รุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต แต่หากการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นความรุนแรงไม่มากนัก ก็สามารถทำการปฐมพยาบาลและดูแลตนเองได้ตามลักษณะอาการ
สาเหตุของการบาดเจ็บ
การบาดเจ็บจากการออกกำลังกายและเล่นกีฬา โดยทั่วไปมักเกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือ
- การกระแทกอย่างรวดเร็วและรุนแรง (contact and acute injury)
- การใช้งานอวัยวะมากเกินหรือซ้ำซาก (overused injury)
ความรุนแรงของอาการบาดเจ็บ
-
การบาดเจ็บเล็กน้อย
เช่น การมีแผลถลอก ผิวหนังฉีกขาด มีอาการตะคริว และมีการยืดของเอ็นยึดข้อมากเกินไป (sprains)
-
การบาดเจ็บรุนแรงปานกลาง
เช่น เอ็นยึดข้อมีการฉีกขาดบางส่วน (sprain) ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บบวม (swelling) และมีอาการปวด (pain) มีอาการบาดเจ็บเมื่อเคลื่อนไหวอวัยวะดังกล่าว รวมทั้งการเคลื่อนไหวทำได้น้อยลง (decrease range of motion)
-
การบาดเจ็บรุนแรงมาก (severe injuries)
เช่น มีกระดูกหักหรือข้อเคลื่อน มีการเสียรูปของอวัยวะและมีอาการปวดอย่างมาก
-
การบาดเจ็บที่เป็นอันตรายต่อชีวิต (life threatening)
เช่น มีการบาดเจ็บที่รุนแรงต่อบริเวณลำคอหรือศีรษะ มีอาการหมดสติ มีอาการแสดงความผิดปกติของการทำงานของหัวใจ (heart attact)
กายภาพบำบัดช่วยอะไรได้บ้าง?
กายภาพบำบัดช่วยในการฟื้นฟูและรักษาสภาพร่างกายหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ การทำกายภาพบำบัดหลังอาการบาดเจ็บจะช่วยให้ร่างกายเพิ่มสมรรถภาพและประสิทธิภาพในการฟื้นฟูร่างกายได้ดีมากขึ้นกว่าการปล่อยอาการบาดเจ็บไว้เฉยๆ ดังนั้นหากคุณเป็นนักกีฬาหรือมีความชอบในการเล่นกีฬาอย่างใดอย่างหนึ่งมากๆ การบรรเทาอาการบาดเจ็บด้วยการกายภาพบำบัดจะช่วยให้คุณกลับมาเล่นกีฬาได้เร็วขึ้นนั่นเอง
แนวทางการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจากกีฬาด้วยกายภาพบำบัด
โดยส่วนใหญ่การฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจากกีฬาด้วยกายภาพนั้น สามารถใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยได้ ซึ่งจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า เช่น
การใช้เลเซอร์บำบัด
เป็นการใช้เลเซอร์เย็นช่วยลดอาการปวดของกล้ามเนื้อ กระดูกและเส้นประสาท ความเย็นจากเลเซอร์จะช่วยลดความเร็วในการนำกระแสประสาทที่รับความเจ็บปวดไปที่สมองให้ช้าลง สามารถช่วยลดความเจ็บปวดได้ และนอกจากนี้ยังช่วยลดอาการเจ็บปวดของภาวะข้อเสื่อม ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ลดบวมและการอักเสบของกล้ามเนื้อเอ็นข้อต่อได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากที่เข้ารับการทำเลเซอร์เย็นเพื่อลดการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาแล้วจะรู้สึกได้เลยว่าอาการปวดลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้เลเซอร์ยังช่วยรักษาอาการเคล็ดขัดยอกบริเวณกระดูก เอ็น กล้ามเนื้อ การปวดไมเกรน หัวไหล่ติด หรืออาการในกลุ่มหมอนรองกระดูกเสื่อมได้
การใช้เครื่องอัลตราซาวด์
เทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้ในการบำบัดอาการเจ็บปวดจากการเล่นกีฬากันมาก การบำบัดด้วยเครื่องอัลตราซาวด์นี้เป็นการนำกระแสไฟฟ้าส่งผ่านไปยังผลึกคริสตัลและเปลี่ยนเป็นคลื่นความถี่สูงเข้าไปกระตุ้นการตอบสนองของเนื้อเยื่อเพื่อช่วยในการซ่อมแซมร่างกาย ช่วยบำบัดอาการปวดต่างๆ ลดอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เป็นต้น การรักษาด้วยเครื่องอัลตราซาวด์นี้จึงเป็นวิธีที่สะดวก ปลอดภัย ได้รับการยอมรับและถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี นอกจากการทำกายภาพบำบัดแล้ว การออกกำลังกายหรือการทำกายบริหารหลังจากนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่จะช่วยฟื้นฟูให้อวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บสามารถกลับมาทำงานได้ไวขึ้น โดยการจะหายเร็วหรือช้านั้น ย่อมต้องอาศัยความสม่ำเสมอทั้งสิ้น หรือ แม้แต่ในกรณีที่ผู้บาดเจ็บต้องเข้ารับวิธีการรักษาอื่นๆ เช่น การผ่าตัดแผลเล็ก ส่องกล้อง เป็นต้น ก็ต้องอาศัยการปฏิบัติตัวและการมีระเบียบวินัยของผู้เข้ารับการบำบัดด้วยเช่นกัน
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- นั่งนาน ปวดหลัง แก้ได้ไม่ยาก
- ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Myofascial Pain Syndrome)
- ปวดหัว มึนหัว ปวดกระบอกตา คล้ายไมเกรน