เวลานอนกลางคืนทำไมปวดหลัง ไขข้อข้องใจ แก้ไขให้ถูก
เวลานอนกลางคืนทำไมปวดหลัง ปัญหานี้เป็นหนึ่งในอาการที่หลายคนอาจเคยประสบ แต่ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริง บางครั้งอาการปวดหลังเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว แต่ในบางกรณีกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งการเลือกที่นอนที่ไม่เหมาะสม พฤติกรรมการนอน หรือแม้แต่ปัญหาสุขภาพที่อาจซ่อนอยู่ในร่างกาย การทำความเข้าใจถึงสาเหตุและการหาวิธีแก้ไขอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับอาการปวดหลังในช่วงกลางคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เวลานอนกลางคืนทำไมปวดหลัง? อาการที่ไม่อันตราย แต่ก็ไม่ควรละเลย รีบทำความเข้าใจสาเหตุและทำการรักษา
อาการปวดหลัง นั้นสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในวัยทำงานที่เรียกได้ว่าเป็นอาการยอดฮิตเลยก็ว่าได้ เพราะปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ด้วยอาการดังกล่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการนั่งทำงานที่ไม่ถูกวิธี ส่งผลให้มีอาการปวด เมื่อย ตึงบริเวณหลัง คอ บ่า และไหล่ตามมาด้วยนั่นเอง อย่างไรก็ตาม อาการปวดหลังช่วงกลางคืนนั้นถือเป็นอะไรที่แตกต่างออกมา เพราะมีช่วงเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งอาการนี้ถือว่าสร้างผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก เพราะนอนหลับแล้วตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหลัง จนรู้สึกไม่สดชื่นและร่างกายล้าไปทั้งวัน อาการปวดหลังตอนกลางคืนเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ หากปล่อยไว้โดยไม่แก้ไข อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพในระยะยาว วันนี้เรามาไขข้อข้องใจว่าทำไมเวลานอนถึงปวดหลัง พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขอย่างถูกต้องไปพร้อม ๆ กัน
ทำความเข้าใจ สาเหตุที่ทำให้ปวดหลังเวลานอนกลางคืน มีอะไรบ้าง?
อาการปวดหลังตอนกลางคืนอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับที่นอน พฤติกรรมการนอน และสุขภาพร่างกาย ดังนี้…
1. ที่นอนและหมอนไม่เหมาะสม
- ฟูกนอนแข็งหรือนิ่มเกินไป: ฟูกที่แข็งเกินไปอาจทำให้เกิดแรงกดทับบริเวณหลังส่วนล่าง ขณะที่ฟูกที่นิ่มเกินไปอาจไม่สามารถรองรับแนวกระดูกสันหลังได้ดี
- หมอนสูงหรือต่ำเกินไป: หมอนที่สูงเกินไปทำให้คอและกระดูกสันหลังอยู่ในแนวที่ผิดธรรมชาติ ส่วนหมอนที่เตี้ยเกินไปอาจทำให้คอแอ่นจนเกิดอาการปวด
2. ท่านอนที่ไม่ถูกต้อง
- นอนคว่ำ: เป็นท่านอนที่ทำให้กระดูกสันหลังแอ่นผิดรูป อาจส่งผลให้ปวดหลังและปวดคอ
- นอนหงายโดยไม่รองหมอนใต้เข่า: อาจทำให้หลังแอ่นมากเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการปวด
- นอนตะแคงโดยไม่มีหมอนรองระหว่างเข่า: ทำให้กระดูกสันหลังบิดตัวและเกิดอาการปวด
3. พฤติกรรมก่อนนอนที่ส่งผลเสียต่อหลัง
- นั่งทำงานหรือนั่งอยู่ท่าเดิมนาน ๆ ก่อนเข้านอน
- ยกของหนักหรือออกกำลังกายหนักเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อตึงและเกิดอาการปวดระหว่างนอน
- ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน เช่น มือถือ แท็บเล็ต อาจทำให้ท่านั่งผิดส่งผลต่อแนวกระดูกสันหลัง
4. ภาวะทางสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
- หมอนรองกระดูกเสื่อม: มักพบในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีพฤติกรรมการนั่งผิดท่าต่อเนื่อง
- โรคกระดูกสันหลังคด หรือกระดูกเสื่อม: ทำให้มีอาการปวดหลังโดยเฉพาะในช่วงกลางคืน
- ความเครียดและภาวะทางจิตใจ: ความเครียดสามารถทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัว ส่งผลให้เกิดอาการปวด
เพื่อสรุปเนื้อหาข้างต้น การปวดหลังในช่วงกลางคืนเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมในการนอน เช่น ที่นอนและหมอนที่ไม่เหมาะสม หรือท่านอนที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงพฤติกรรมการนอนและสุขภาพร่างกาย เช่น การนั่งทำงานนานเกินไป หรือภาวะทางสุขภาพต่าง ๆ เช่น หมอนรองกระดูกเสื่อม และความเครียดที่มีผลต่อกล้ามเนื้อ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนให้เหมาะสมและเลือกใช้อุปกรณ์ที่รองรับการนอนได้ดี จะช่วยบรรเทาและป้องกันอาการปวดหลังในช่วงกลางคืนได้
วิธีแก้ไขอาการปวดหลังตอนนอน
สำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมการนอนสามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้ ลองทำตามคำแนะนำต่อไปนี้…
1. เลือกที่นอนและหมอนให้เหมาะสม
- เลือกฟูกที่มีความแน่นพอดี ไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป โดยควรรองรับแนวกระดูกสันหลังให้เป็นธรรมชาติ
- ใช้หมอนรองรับสรีระ เช่น หมอนรองใต้เข่าสำหรับคนนอนหงาย หรือหมอนรองระหว่างเข่าสำหรับคนนอนตะแคง
2. ปรับท่านอนให้ถูกต้อง
- นอนหงาย: ควรวางหมอนรองใต้เข่าเพื่อลดแรงกดที่หลัง
- นอนตะแคง: งอเข่าเล็กน้อยและใช้หมอนรองระหว่างขา
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ: หากจำเป็นควรใช้หมอนรองใต้ท้องเพื่อลดแรงกดที่หลัง
3. ยืดกล้ามเนื้อก่อนนอน
- ท่ายืดหลัง เช่น ก้มแตะปลายเท้า โยคะท่าสะพานโค้ง หรือท่าบิดเอวเบา ๆ
- ท่าคลายกล้ามเนื้อสะโพกและหลังส่วนล่าง เช่น นอนหงายแล้วดึงเข่าทั้งสองข้างเข้าหาหน้าอก
4. ปรับพฤติกรรมก่อนนอน
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ ก่อนเข้านอน
- ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ก่อนนอนเป็นเวลานาน
- ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงเบา ๆ
5. ดูแลสุขภาพโดยรวม
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อลดแรงกดที่กระดูกสันหลัง
- รับประทานอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ เช่น ปลาแซลมอน อะโวคาโด และถั่วต่าง ๆ
- ออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว เช่น โยคะ พิลาทิส หรือเวทเทรนนิ่งเบา ๆ
อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมการนอนอย่างถูกต้องสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ โดยการเลือกที่นอนและหมอนที่รองรับแนวกระดูกสันหลังอย่างเหมาะสม รวมถึงการปรับท่านอนให้ถูกต้อง เช่น การนอนหงายและนอนตะแคง พร้อมทั้งใช้หมอนรองระหว่างเข่าเพื่อลดแรงกดที่กระดูกสันหลัง การยืดกล้ามเนื้อก่อนนอนและการออกกำลังกายเบา ๆ ก็ช่วยคลายกล้ามเนื้อและลดอาการปวดหลังได้ นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง เช่น การออกกำลังกายหนัก ๆ หรือการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดอาการปวดได้เช่นกัน การดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น การควบคุมน้ำหนัก และการรับประทานอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ จะช่วยส่งเสริมการฟื้นฟูของร่างกายและป้องกันอาการปวดหลังในระยะยาว.
ป้องกันอาการปวดหลังตอนนอนในระยะยาว
- สร้างวินัยการนอนที่ดี เช่น นอนเป็นเวลา และให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
- จัดสภาพแวดล้อมห้องนอนให้เหมาะสม อุณหภูมิห้องควรเย็นสบาย ไม่มีเสียงรบกวน
- หมั่นสังเกตอาการของตัวเอง หากอาการปวดหลังเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
อาการปวดหลังตอนนอนอาจเกิดจากที่นอนและหมอนไม่เหมาะสม ท่านอนที่ผิด หรือปัจจัยด้านสุขภาพ การแก้ไขสามารถทำได้โดยปรับที่นอน ปรับท่านอน ยืดกล้ามเนื้อก่อนนอน และดูแลสุขภาพโดยรวม หากอาการปวดหลังยังคงอยู่ ควรพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม การนอนหลับที่ดีส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ดังนั้นอย่ามองข้ามปัญหาปวดหลังขณะนอนกันนะคะ!
การรักษาอาการปวดหลังด้วยการทำ “กายภาพบำบัด”
เป้าหมายของการกายภาพบำบัดรักษาอาการปวดหลัง คือ เพื่อบรรเทาอาการปวด และให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหรือใกล้เคียงปกติที่สุด โดยวิธีการรักษาอาการปวดหลังมีหลายวิธี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การทำกายภาพบำบัด นั่นเอง โดยการรักษาด้วยวิธีนี้จะพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยมุ่งเน้นการรักษาที่ต้นเหตุของอาการ รวมถึงบรรเทาอาการเจ็บปวดให้เหลือน้อยที่สุด
การทำกายภาพบำบัดเพื่อรักษาอาการปวดหลัง มีวิธีใดบ้าง?
เป็นวิธีรักษาอาการปวดหลังที่มีความสำคัญและใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลัง การทำกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการปวดมีหลายประเภท เช่น
- การใช้ความร้อน โดยการประคบร้อน
- อัลตราซาวด์
- การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า
- กายภาพบำบัดด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังรวมไปถึงการปรับปรุงท่าทางการใช้งานหลังของผู้ป่วยในชีวิตประจำวัน หลังจากอาการปวดดีขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรฝึกตามมา คือ การบริหารและกายภาพบำบัดด้วยตัวเองเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นโดยการนวด ดัด ยืด และฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง สะโพก และหน้าท้อง ด้วยวิธีการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน เพื่อช่วยป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
อย่างไรก็ตาม การทำกายภาพบำบัดรักษาปวดหลัง จะช่วยรักษาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี เมื่อนักกายภาพบำบัดตรวจร่างกายและหาสาเหตุของอาการปวดหลังได้แล้ว ก็จะเริ่มต้นการรักษาโดยเน้นบรรเทาอาการเจ็บปวดที่หลัง คืนความสมดุลให้แก่ร่างกาย ฟื้นฟูสุขภาพบริเวณหลังให้ดีขึ้น เพื่อให้ประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายกลับมาเป็นปกติได้ดังเดิม
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง