นิ้วล็อค อาการ เริ่มต้นเป็นยังไง สังเกตจากอะไรได้บ้าง?
นิ้วล็อค อาการ เริ่มต้นเป็นอย่างไร? ถือเป็นภัยเงียบที่น่ากลัวอย่างหนึ่งโดยเฉพาะในคนวัยทำงานที่มีความเสี่ยงกับการเป็นโรคนี้สูง นั่นเป็นเพราะพฤติกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันหลายอย่างเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคนี้มากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมเสี่ยงก็มักจะมาจากกิจกรรมที่ต้องใช้นิ้วมืออยู่เป็นประจำเช่น การพิมพ์คีย์บอร์ด สมาร์ตโฟน หรือใช้ข้อมือขยับเมาส์คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนิ้วล็อคทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีคนไข้หรือผู้ที่มีความเสี่ยงหลาย ๆ คนอาจไม่รู้ว่าตนเองมีโรคนี้อยู่หรือรู้ตัวแล้วแต่ปล่อยปละละเลยเพราะนึกว่าเป็นอาการปวดมือธรรมดา ในบทความนี้เราจึงจะมาคุยกันเรื่องอาการเบื้องต้นของโรคนี้กันว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เพื่อไม่ปล่อยให้เกิดอาการรุนแรงจนสายเกินไป
นิ้วล็อค อาการ เริ่มแรกเป็นอย่างไร ต้องมีอาการแบบไหนจึงต้องเข้าพบแพทย์?
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าการที่เราสามารถเคลื่อนไหวนิ้วไปมาได้เป็นปกตินั้น เส้นเอ็นเป็นส่วนสำคัญเพราะเส้นเอ็นเปรียบเหมือนเชือกที่ทำหน้าที่ดึงให้นิ้วงอเข้าและเหยียดออกได้ นอกจากมีเส้นเอ็นแล้วเรายังมีปลอกเส้นเอ็นคอยทำหน้าที่ให้เส้นเอ็นมีการเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ อาการนิ้วล็อคเกิดจากการที่ปลอกเส้นเอ็นมีการอักเสบและตีบแคบลง ทำให้เส้นเอ็นเคลื่อนไหวได้ไม่เป็นปกติ
โรคนิ้วล็อค เกิดจากอะไร?
เกิดจากการใช้งานของนิ้วมือมาก และเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในท่างอ เหยียดนิ้วบ่อย ๆ ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็น และเส้นเอ็นของนิ้วมือ พบบ่อยในแม่บ้าน (ซักผ้าด้วยมือเป็นเวลานาน ถือถุงหิ้วของ จับด้ามกระทะ ใช้มีด) ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า นักกีฬา หรือผู้ที่ชอบเล่นกีฬาบางประเภท ได้แก่ กอล์ฟ เทนนิส แบดมินตัน รวมทั้งเกิดในสตรีมีครรภ์ที่ส่งผลให้ปลอกหุ้มเอ็นและเยื่อหุ้มเส้นเอ็นบวม
ลักษณะอาการเบื้องต้น
โรคนิ้วล็อคสามารถแสดงภาวะอาการเบื้องต้นได้หลายอย่าง เช่น
- ปวดบริเวณฝ่ามือ
- นิ้วเคลื่อนไหวไม่สะดวก
- นิ้วมีอาการสะดุด
- นิ้วยึดอยู่ในท่างอ
“ระยะ” อาการของโรคนิ้วล็อค แบ่งได้เป็นกี่ระยะ?
อาการนิ้วล็อคมีอยู่ด้วยกัน 4 ระยะ เพราะฉะนั้นคนไข้แต่ละคนที่มาพบแพทย์อาจจะมาด้วยอาการที่ไม่เหมือนกันแต่เป็นโรคเดียวกัน เพียงแต่เป็นคนละระยะ เช่น
ระยะที่ 1
ระยะที่ 2
ระยะที่ 3
ระยะที่ 4
ปลอกเอ็นจะตีบแคบมากจนกระทั่งเอ็นไม่สามารถผ่านจุดคอดได้ ดังนั้นเวลากำมือนิ้วจะกำไม่ลง
จะเห็นได้ว่าในแต่ละระยะจะมีอาการที่ไม่เหมือนกัน นิ้วล็อคมีได้หลายอาการ ตั้งแต่เจ็บฝ่ามือ นิ้วสะดุดขึ้นลง กำมือแล้วไม่สามารถเหยียดมือออกมาได้ หรือไม่สามารถกำมือได้
อาการแบบไหนถึงต้องเข้าพบแพทย์?
การป้องกัน
หลีกเลี่ยงการใช้งานมือที่ต้องงอนิ้ว กำบีบหิ้วสิ่งของต่าง ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน
การรักษาเบื้องต้น
ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค อาการกำเริบไม่บ่อย จะรักษาดังนี้
- หลีกเลี่ยงการงอเหยียดนิ้วบ่อย ๆ หรือการถือสิ่งของเป็นเวลานาน
- ทานยาต้านการอักเสบของเส้นเอ็น
- แช่น้ำอุ่นวันละ 1-2 ครั้ง
การรักษาสำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง
ผู้ที่มีอาการรุนแรงจะทำการรักษาโดยให้ยาต้านการอักเสบ ลดบวมของเส้นเอ็น หรือ ฉีดยาสเตียรอยด์ บริเวณที่มีอาการอักเสบ โดยทั่วไปไม่ควรฉีดเกิน 2-3 ครั้ง หรือ ทำการผ่าตัดในกรณีที่คนไข้อาการไม่ดีขึ้น โดยการผ่าตัด คือ การตัดพังผืดของปลอกหุ้มเอ็นบริเวณโคนนิ้ว เพื่อขยายช่องปลอกหุ้มเอ็น วิธีการฉีดยาเฉพาะที่ หลังผ่าตัดสามารถกลับบ้านได้ และเริ่มใช้งานนิ้วได้เบา ๆ ทันที
ท้ายที่สุด ไม่ว่าอาการของคนไข้จะอยู่ในระยะเบื้องต้น หรือในระยะใดแต่สิ่งสำคัญคือการต้องเฝ้าระวังตัวเองเสมอ เพราะแม้โรคนี้จะไม่ส่งผลร้ายแรงอะไรมากแต่ก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำและกลายเป็นภาวะเรื้อรังอย่างโรคข้อติดได้อีกด้วย ดังนั้นหากคนไข้รู้สึกว่าตนเองมีสัญญาณของโรคนิ้วล็อค ก็ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเข้ารับการรักษาโดยทันที เพื่อไม่ให้โรคนี้กลายเป็นปัญหาที่ทำให้คนไข้ใช้ชีวิตลำบากมากขึ้นนั่นเอง
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วิดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวิดีโอนี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง