ปวดไหล่ขวา ต้นคอ อาการเล็ก ๆ ที่ไม่ควรปล่อยเรื้อรัง
ปวดไหล่ขวา ต้นคอ อาการเล็ก ๆ ที่หลายคนกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งดูเหมือนว่าลักษณะอาการนี้จะเกิดขึ้นเยอะในผู้ที่ทำงานออฟฟิศหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม จากที่ได้บอกไปว่า แม้อาการนี้จะดูเป็นอาการเล็ก ๆ แต่ถ้าหากปล่อยไว้เรื้อรัง คงไม่ดีแน่เพราะอาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพต่าง ๆ ตามมา ดังนั้น ผู้มีอาการปวดควรเริ่มศึกษาวิธีแก้ไขปัญหาที่ต้นตอเพื่อให้อาการปวดนี้หายไปในที่สุด และไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
ปวดไหล่ขวา ต้นคอ สองอาการนี้ทำไมถึงเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน?
เป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนสงสัยว่าทำไมกล้ามเนื้อของเราจึงปวดพร้อมกันได้ ทั้ง ๆ ที่อยู่กันคนบริเวณ ซึ่งสำหรับอาการปวดหัวไหล่ด้านขวาลามไปถึงต้นคอนั้น เหตุผลสำคัญเลยก็คือ ทั้ง 2 จุดนี้อยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกันนั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กระดูกหรือเส้นประสาทเชื่อมถึงกันได้ง่ายด้วย โดยในบางครั้งการที่ปวดหัวไหล่ด้านขวาอาจเกิดจากการที่ผู้ประสบปัญหาปวดต้นคอก่อนก็เป็นได้ และส่งผลต่อไปยังหัวไหล่ หรืออาจเกิดจากการปวดหัวไหล่ก่อนและลามมาที่ต้นคอก็ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ มีอีกหนึ่งภาวะที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดีนั่นคือ “ออฟฟิศซินโดรม” ที่มักจะมีอาการปวดซ้ำ ๆ ในที่เดิม ๆ นั่นคือ คอ บ่า ไหล่ ซึ่งถือเป็นภาวะกล้ามเนื้ออักเสบชนิดหนึ่งและหลาย ๆ คนเป็นเรื้อรังเพราะไม่สามารถปรับแก้พฤติกรรมเสี่ยงได้นั่นเอง
พฤติกรรมเสี่ยง ส่งผลให้ปวดไหล่และต้นคอ ที่หลาย ๆ คนไม่รู้ตัว
พฤติกรรมชวนปวดคอและหัวไหล่ ที่พบเห็นได้ทั่วไป อย่างเช่น การนอนคว่ำเป็นประจำ นอนหมอนสูงเกินไป การสะบัดคอ สะบัดผม การใช้งานคอกับไหล่เป็นเวลานานเกินไป เช่น การใช้คอกับบ่าหนีบโทรศัพท์ หรือเล่นเครื่องดนตรีที่ต้องใช้บ่าหรือคอ การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางไม่เหมาะสม หรืองานที่ต้องเกร็งไหล่ทั้งสองข้าง อยู่ในอิริยาบถของคองุ้ม ไหล่งุ้ม ไม่ถูกสุขลักษณะ เป็นต้น
พฤติกรรมเหล่านี้ ถ้าสะสมระยะเวลานานๆ โดยไม่แก้ไขนั้น จะทำให้เกิดอาการปวด และอาจเกิดโรคที่มีความรุนแรงมากขึ้นตามมา อย่างเช่น หน้ายื่น ไหล่ห่อ หรืออาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณคอ ไหล่ ที่ส่งผลไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
อาการปวดหัวไหล่และต้นคอ มีกี่แบบ?
อาการปวดกล้ามเนื้อเช่นนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย…
แบบเฉียบพลัน
เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม ผิดท่าทางจากปกติ เช่น การนอนตกหมอน จนทำให้บริเวณคอบ่าไหล่ตึงไม่สามารถขยับคอหรือหันหน้าได้อย่างอิสระเนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอเกิดอาการเกร็งตัวนั่นเอง
แบบเรื้อรัง
มักเกิดกับผู้ที่มีพฤติกรรมการใช้งานคอ บ่า ไหล่ นานจนเกิดไป ไม่ได้หยุดพัก หรือมีกล้ามเนื้อที่ไม่แข็งแรงพอจากการขาดการออกกำลังกาย ทำให้เกิดอาการปวดคอ บ่า ไหล่เรื้อรัง รักษาแล้วก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก
การรักษา อาการปวดไหล่-ต้นคอ ด้วย “เครื่องมือทางกายภาพบำบัด” อื่น ๆ
การรักษาอาการออฟฟิศซินโดรมด้วยศาสตร์ทางกายภาพบำบัด ร่วมกับการใช้เครื่องมือทันสมัย เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีประสิทธิภาพสูง โดยทีมนักกายภาพบำบัดมืออาชีพ ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ เพื่อรักษาผู้ที่มีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ออฟฟิศซินโดรม ซึ่งเป็นการรักษาที่ต้นเหตุ พร้อมทั้งช่วยปรับโครงสร้างร่างกายในส่วนที่มีปัญหา ให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องตามหลักกายวิภาคศาสตร์ โดยมีโปรแกรมหลากหลายให้เลือกตามความเหมาะสมกับปัญหาและอาการของแต่ละท่าน
ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวก็มีหลากหลายด้วยกัน ซึ่งก็จะถูกนำมาใช้ให้เหมาะสมตามระดับอาการของแต่ละท่านตามที่กล่าวไปข้างต้น ยกตัวอย่างเครื่องมือ เช่น
เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (Electrotherapy)
กระตุ้นกล้ามเนื้อเพื่อให้เกิดการหดตัว ชะลอการลีบเล็กของกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนและลดบวมจากการหดตัวเป็นจังหวะของกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดของกล้ามเนื้อ ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ
เครื่องช็อคเวฟ (ShockWave Therapy)
การรักษาด้วยคลื่นกระแทก เหมาะสำหรับการรักษาผู้ที่มีอาการปวดออฟฟิศซินโดรม อาการอักเสบเรื้อรัง รักษามานานยังไม่หาย ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ อาการปวดลดลง
เครื่องเลเซอร์กำลังสูง (High Power Laser Therapy)
สำหรับลดอาการปวดออฟฟิศซินโดรม บวมอักเสบของระบบกล้ามเนื้อ ข้อ กระดูกและเส้นเอ็น
เครื่องอัลตราซาวด์ (Ultrasound therapy)
ลดปวด ลดการอักเสบและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยคลายการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ ลดการยึดตรึงของข้อต่อ รักษาอาการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ และข้อต่อ เอ็นอักเสบ รวมทั้งออฟฟิศซินโดรม
อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดนั้น จะใช้อุปกรณ์ทางกายภาพบำบัดหลายอย่าง เช่น อัลตร้าซาวนด์ ซึ่งเป็นความร้อนลึก, เลเซอร์ที่มีความแรงสูง ช่วยให้รักษาระดับลึกและมีประสิทธิภาพดีขึ้น และการใช้ Shockwave (คลื่นกระแทก) ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่จะเลือกเครื่องมือทำกายภาพบำบัดให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ดังนั้น ผู้ประสบปัญหาควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุด
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- “โรคกระดูกสันหลัง” โรคที่ควรระวังปล่อยไว้อาจส่งผลเสีย
- ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Myofascial Pain Syndrome)
- “ผ่าตัดกระดูกสันหลัง” กับ 8 คำถามที่ต้องรู้คำตอบ