ทํากายภาพแล้วระบม เกิดจากอะไร อันตรายไหม ดูแลตนเองอย่างไรดี?
“ทํากายภาพแล้วระบม” ปัญหาที่หลาย ๆ คนกำลังเผชิญและสงสัยว่าเกิดจากอะไรกันแน่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า “การทำกายภาพบำบัด” เป็นการรักษาที่ช่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและบรรเทาอาการปวดจากการบาดเจ็บหรือโรคต่างๆ แต่บางคนอาจพบว่าหลังจากการทำกายภาพอาจเกิดอาการระบมตามร่างกายขึ้น ซึ่งเป็นอาการที่หลายคนมักกังวลว่ามีความเสี่ยงหรือเป็นอันตรายหรือไม่? ในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบว่าอาการระบมหลังทำกายภาพเกิดจากอะไร และจะดูแลตัวเองอย่างไรเพื่อให้การฟื้นฟูเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ทํากายภาพแล้วระบม เกิดจากอะไร เป็นอาการอันตรายหรือเปล่า?
เป็นที่ทราบกันดีว่า “การทำกายภาพบำบัด” นั้น เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดและฟื้นฟูการเคลื่อนไหว แต่บางครั้งการทำกายภาพอาจทำให้เกิดอาการระบมตามร่างกาย ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าอาการเหล่านี้เกิดจากอะไร และเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่อันตรายหรือไม่? ในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบเกี่ยวกับสาเหตุและการจัดการกับอาการระบมหลังการทำกายภาพกัน ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง Newton Em Clinic มีคำตอบให้ในบทความนี้
กายภาพบำบัดคืออะไร?
การทำกายภาพ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Physical therapy เป็นวิธีทำกายบริหารต่างๆ เพื่อการฟื้นฟูและช่วยเสริมความสามารถในการใช้ร่างกายและการเคลื่อนไหวให้ดีมากขึ้น โดยมีเทคนิคในการทำกายภาพหลายประเภท เช่น การดึง การนวด การประคบ และการทำกายบริหารง่ายๆ เป็นต้น ซึ่งผู้ที่จะเข้ารับการทำกายภาพจะถูกใช้วิธีที่แตกต่างกันออกไป
วิธีการทำกายภาพบำบัดมีกี่แบบ และมีแบบไหนบ้าง
จากที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า การทำกายภาพ นั้นมีหลายเทคนิคและหลายวิธี มีหลายเครื่องมือและหลายตัวช่วยที่ใช้ในการรักษา ตั้งแต่แบบทั่วไป เช่น แผ่นประคบร้อน-เย็น ที่คนทั่วไปสามารถหาซื้อได้เองจนกระทั่งการใช้เทคนิคไฟฟ้าและเลเซอร์รักษา โดยเครื่องมือดังกล่าวก็จะถูกใช้ในทางที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งประเภทในการทำกายภาพก็เช่นกันที่ถูกแบ่งออกเป็นหลายแบบ ดังนี้
- กายภาพสำหรับระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
- กายภาพสำหรับระบบประสาท
- กายภาพสำหรับการกีฬา
- กายภาพสำหรับระบบทรวงอกหลอดเลือดและหัวใจ
- กายภาพสำหรับด้านอื่นๆ
การเข้ารับการรักษาโดยทำกายภาพบำบัด-มีขั้นตอนอย่างไร
โดยหลักๆ แล้วการเข้ารับการทำกายภาพจะมีอยู่ 2 ขั้นตอน คือ เข้ารับการประเมิน และ เข้ารับการรักษา โดยมีรายละเอียดแบบพอสังเขป ดังนี้
-
เข้ารับการประเมิน
ในขั้นตอนนี้ผู้เข้ารับการรักษาจะได้รับการประเมินจากนักกายภาพเพื่อที่จะได้กำหนดแผนการรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งอาจโดนประเมินในเรื่องของการเคลื่อนไหวต่างๆ การเดิน การเต้นของหัวใจ และต้องตอบคำถามที่เกี่ยวกับประวัติการรักษาหรือการทำกายภาพต่างๆ
-
เข้ารับการรักษา
หลังจากได้รับการประเมินแล้ว ผู้เข้าร้บการรักษาจะได้รับการรักษาตามแผนที่ถูกวางไว้ให้โดยทีมแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ หรือนักกายภาพ โดยการรักษาก็จะเริ่มตั้งแต่การทำกายบริหารง่ายๆ หรือบางคนอาจจะต้องใช้ตัวช่วย เช่น รักษาด้วยไฟฟ้า เลเซอร์ คลื่นอัลตราซาวน์ เป็นต้น
ใครบ้างที่เหมาะสำหรับการทำกายภาพบำบัด
แม้จะเป็นการทำกายบริหารที่หลายๆ คนมองว่าไว้ใช้รักษาผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ทุกคนทราบหรือไม่ว่านอกจากบุคคลที่ถูกกล่าวมา มีผู้คนอีกหลายประเภทมากๆ ที่สามารถทำกายภาพได้ ไม่เพียงแต่ผู้ป่วยหรือผู้สูงวัยเท่านั้น แต่รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ข้อ เอ็น กระดูก การเคลื่อนไหวหรือขยับตัวต่างๆ ให้กลับมาเป็นปกติหรือสามารถใช้ชีวิตได้อย่างดีขึ้น โดยการทำกายภาพนั้นมักจะเหมาะกับผู้ที่ประสบปัญหาอื่นๆดังต่อไปนี้ด้วย เช่น
- ผู้ป่วยเด็กที่ต้องมีพัฒนาการสมองช้า หรือป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรม
- นักกีฬา (ก่อน-หลังแข่ง รวมถึงกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากการแข่ง)
- หญิงหลังคลอด
- บุคคลผู้ประสบอุบัติเหตุและผู้ใช้แขน-ขาเทียม
- บุคคลทั่วไป ที่มีปัญหาเกี่ยวกับ กล้ามเนื้อ ข้อ เอ็น กระดูก, ระบบประสาท และระบบหายใจและปอด
ซึ่งบุคคลในแต่ละแบบที่กล่าวมานั้นก็สามารถเลือกแบบรักษาที่เหมาะสมกับตนเองได้หรือหากไม่แน่ใจก็สามารถขอคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญตามคลินิคกายภาพทั่วไปได้เช่นกัน เพื่อการรักษาที่ถูกต้องนั่นเอง
ผลข้างเคียงหลังการทำกายภาพบำบัด มีอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปแล้วผลข้างเคียงหลังการทำกายภาพบำบัดนั้นอาจเกิดขึ้นได้ แต่ส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและจะหายไปในระยะเวลาสั้น ๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของการรักษาและสภาพร่างกายของผู้รับการบำบัด ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น..
- อาการปวดหรือรู้สึกตึง: หลังจากการทำกายภาพบำบัด บางคนอาจรู้สึกปวดหรือมีอาการตึงในกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นผลจากการใช้กล้ามเนื้อหรือข้อต่อมากเกินไป แต่จะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
- อาการบวม: บางคนอาจพบอาการบวมที่บริเวณที่ได้รับการรักษา เช่น บริเวณข้อหรือกล้ามเนื้อที่ได้รับการยืดหรือเคลื่อนไหว
- การอ่อนแรง: หากทำการออกกำลังกายหรือยืดกล้ามเนื้อมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกอ่อนแรงหรือไม่สบายตัว
- การเสื่อมของการเคลื่อนไหวชั่วคราว: บางคนอาจรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวชั่วคราวถูกจำกัดเนื่องจากกล้ามเนื้อหรือข้อต่อที่ได้รับการรักษา
- อาการปวดหัวหรือเวียนศีรษะ: ในบางกรณีอาจเกิดอาการปวดหัวหรือเวียนศีรษะหลังจากการทำกายภาพบำบัด โดยเฉพาะเมื่อมีการยืดหรือปรับการเคลื่อนไหวของคอและหลัง
อย่างไรก็ตาม หากพบอาการที่ไม่ปกติหรือมีความรู้สึกไม่สบายหลังจากการทำกายภาพบำบัด ควรปรึกษานักกายภาพบำบัดหรือแพทย์เพื่อประเมินและรับคำแนะนำต่อไป
ไขข้อสงสัย! ทำไมหลังทำกายภาพบำบัดถึงรู้สึกระบม?
ต้องบอกก่อนว่าการรู้สึกระบมหลังทำกายภาพบำบัดนั้นเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยและมักเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วคราว ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้…
- การใช้กล้ามเนื้อหรือข้อต่อที่ไม่ได้ใช้งานมานาน: เมื่อทำการบำบัดโดยการออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวที่ไม่คุ้นเคย กล้ามเนื้อและข้อต่ออาจถูกใช้งานในลักษณะที่ไม่เคยทำมาก่อน จึงอาจทำให้เกิดอาการตึงหรือระบม
- การยืดหรือเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อที่ตึง: หากมีการยืดหรือขยับกล้ามเนื้อที่มีการตึงหรือแข็งตัว การขยายขอบเขตการเคลื่อนไหวมากขึ้นอาจทำให้เกิดการระบมหรือปวดได้
- การปรับสภาพร่างกาย: ในบางกรณี นักกายภาพบำบัดอาจใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อปรับสภาพกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ เช่น การนวด การยืดเหยียด หรือการออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหว ซึ่งอาจทำให้ร่างกายรู้สึกไม่คุ้นเคยในตอนแรก
- การกระตุ้นการไหลเวียนเลือด: การกระตุ้นการไหลเวียนเลือดที่เพิ่มขึ้นในช่วงการบำบัดอาจทำให้เกิดอาการระบมหรือปวดได้บ้าง เนื่องจากร่างกายต้องปรับตัว
- การอักเสบจากการบำบัด: แม้ว่ากายภาพบำบัดจะช่วยลดการอักเสบ แต่บางครั้งการทำงานของกล้ามเนื้อหรือข้อต่ออาจทำให้เกิดการกระตุ้นอักเสบเล็กน้อยในพื้นที่ที่ได้รับการรักษา ทำให้รู้สึกระบม
ทั้งนี้ อาการระบมส่วนใหญ่จะหายไปในไม่กี่วันหลังจากการบำบัด หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษานักกายภาพบำบัดเพื่อประเมินและปรับวิธีการรักษาเพิ่มเติมต่อไป
หากรู้สึกระบมหลังทำกายภาพบำบัดควรดูแลตนเองอย่างไร?
เมื่อรู้สึกระบมหลังทำกายภาพบำบัด ผู้มีอาการสามารถดูแลตนเองเพื่อบรรเทาอาการได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น…
- การพักผ่อน: ควรให้ร่างกายได้พักผ่อนและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดแรงกดหรือเคลื่อนไหวที่อาจทำให้ระบมเพิ่มขึ้นในช่วงแรก
- การประคบเย็น: หากมีอาการบวม ร้อน หรือปวดที่มากเกินไป สามารถใช้ประคบเย็น (เช่น ถุงน้ำแข็งห่อผ้าหรือเจลเย็น) บริเวณที่ระบมเพื่อช่วยลดการอักเสบและบวม โดยการประคบเย็นควรทำประมาณ 15-20 นาที และพักผ่อนให้ร่างกายอบอุ่นระหว่างการประคบ
- การประคบร้อน: หากอาการระบมเป็นเพียงความตึงเครียดของกล้ามเนื้อหรือเกิดจากการใช้แรงเกินไป การประคบร้อน (เช่น ใช้ผ้าห่มอุ่นหรือแผ่นความร้อน) อาจช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและลดอาการตึง
- การยืดเหยียดเบาๆ: หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงหรือวัน สามารถลองทำการยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างเบาๆ เพื่อช่วยคลายความตึงและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด โดยไม่ควรบังคับให้ยืดเหยียดมากเกินไป
- การดื่มน้ำมากๆ: การดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูและลดอาการอักเสบได้ นอกจากนี้การดื่มน้ำยังช่วยล้างสารพิษและคงความชุ่มชื้นในกล้ามเนื้อ
- การใช้ยาบรรเทาอาการปวด: หากอาการระบมไม่หายไป สามารถใช้ยาบรรเทาอาการปวดหรือยาต้านการอักเสบ เช่น พาราเซตามอลหรือไอบูโพรเฟน (ตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด) แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน
- การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงหนัก: ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหรือการออกกำลังกายที่รุนแรงในช่วงแรก เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู
- การปรึกษานักกายภาพบำบัด: หากอาการระบมไม่ดีขึ้น หรือมีอาการปวดที่ไม่ลดลง ควรปรึกษานักกายภาพบำบัดเพื่อประเมินและปรับวิธีการบำบัดให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
โดยการดูแลตนเองตามวิธีเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการทำกายภาพบำบัดและลดอาการระบมได้เร็วขึ้น
สรุปข้อควรรู้เกี่ยวกับ “อาการระบมหลังทำกายภาพบำบัด”
การทำกายภาพบำบัดแล้วรู้สึกระบมเป็นอาการที่พบได้บ่อยและมักเกิดขึ้นหลังจากการใช้กล้ามเนื้อหรือข้อต่อที่ไม่ได้ใช้งานมาก่อน โดยปกติแล้วอาการระบมนี้จะหายไปในไม่กี่วันและไม่ถือว่าเป็นอันตราย
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดอาการระบมหลังทำกายภาพบำบัดมีหลายประการ เช่น การใช้กล้ามเนื้อหรือข้อต่อที่ไม่ได้ใช้งานมานาน ซึ่งทำให้เกิดการตึงหรืออักเสบเล็กน้อยเมื่อถูกกระตุ้นให้ทำงานมากขึ้น นอกจากนี้ การยืดเหยียดหรือเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อที่ตึงตัวก็อาจทำให้เกิดอาการระบมได้เช่นกัน การปรับสภาพของกล้ามเนื้อและข้อต่อเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความเคลื่อนไหวอาจทำให้รู้สึกไม่คุ้นเคยในตอนแรก และการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการระบมหลังการทำกายภาพบำบัด
อย่างไรก็ตาม อาการระบมหลังทำกายภาพบำบัดส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายและมักจะหายไปเองภายในเวลาไม่นาน หากอาการยังคงอยู่หรือทวีความรุนแรง ควรปรึกษานักกายภาพบำบัดเพื่อประเมินและปรับการบำบัดให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- นั่งนาน ปวดหลัง แก้ได้ไม่ยาก
- ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Myofascial Pain Syndrome)
- ปวดหัว มึนหัว ปวดกระบอกตา คล้ายไมเกรน