รักษากล้ามเนื้ออักเสบ ที่ไหนดี-Newton Em Clinic คำตอบของทุกคน
รักษากล้ามเนื้ออักเสบ ที่ไหนดี? เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนต้องการทราบคำตอบกันอยู่อย่างแน่นอน เพราะต้องบอกก่อนว่า แม้อาการเจ็บหรือปวดที่กล้ามเนื้อจะเป็นอาการที่ดูผิวเผินแล้วไม่ได้เป็นอันตรายอะไร แต่แท้จริงแล้วหากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายได้ในระยะยาว จากความรุนแรงของอาการที่เพิ่มขึ้น หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้ผู้ประสบปัญหาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ ดังนั้นการหาคำตอบว่า “รักษากล้ามเนื้ออักเสบ ที่ไหนดี?” จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาพอาการของแต่ละคน
รักษากล้ามเนื้ออักเสบ ที่ไหนดี? มาดูกัน อยากเลือกคลินิกรักษากล้ามเนื้อให้ได้มาตรฐาน ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง?
“กล้ามเนื้ออักเสบ” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาการบาดเจ็บที่หลาย ๆ คนกำลังพบเจอ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าอาการกล้ามเนื้ออักเสบนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากการเล่นกีฬาและการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งเมื่อเกิดอาการเจ็บกล้ามเนื้อประเภทนี้ ผู้ป่วยหลายคนมักเลือกที่จะรักษาด้วยการฉีดยา เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย ไม่ต้องใช้เวลานาน และอาจเห็นผลได้เร็วกว่าวิธีอื่น ๆ แต่ความคิดเช่นนี้อาจไม่ได้เป็นทางออกทางเดียวเสมอไป
อย่างไรก็ตาม การรักษากล้ามเนื้ออักเสบให้ได้ผลดีและปลอดภัย ควรพิจารณาหลายปัจจัย ไม่ใช่เพียงแค่การฉีดยาเพียงอย่างเดียว เพราะในบางกรณี การรักษาที่เหมาะสมอาจต้องอาศัยวิธีการทางกายภาพบำบัด ควบคู่ไปกับการใช้ยาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ดังนั้น การเลือกสถานที่รักษาจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นคลินิกกายภาพบำบัด โรงพยาบาล หรือศูนย์เฉพาะทางด้านกล้ามเนื้อและกระดูก ซึ่งแต่ละแห่งอาจมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน หากใครกำลังมองหาคลินิกรักษากล้ามเนื้ออักเสบที่ได้มาตรฐาน ควรพิจารณาจากปัจจัยใดบ้าง? มาหาคำตอบไปพร้อมกันจากบทความนี้
ทำความรู้จักกันก่อน “กล้ามเนื้ออักเสบ” คืออะไร?
โรคกล้ามเนื้ออักเสบทั่วตัว เป็นโรคในกลุ่มโรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเด่นคือ มีการอักเสบของกล้ามเนื้อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ในรายที่เป็นอย่างรุนแรงอาจมีกล้ามเนื้ออ่อนแรงจนไม่สามารถลุกจากเตียงหรือเดินได้ มีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจอักเสบ ทำให้ระบบหายใจล้มเหลว ซึ่งมักมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและล้ามากหลังเดินหรือยืนเป็นเวลานาน และอาการเจ็บและบวมที่กล้ามเนื้อ โดยอาจเกิดขึ้นในระยะสั้น ๆ หรือเป็นอาการเรื้อรังก็ได้
กล้ามเนื้ออักเสบ สาเหตุ
ตามปกติแล้วสาเหตุของภาวะกล้ามเนื้ออักเสบนั้นค่อนข้างจะระบุได้ยาก เพราะสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งสามารถยกตัวอย่างได้จากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ คือ
การติดเชื้อ
การติดเชื้อที่เป็นต้นเหตุของกล้ามเนื้ออักเสบส่วนมากเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น เชื้อไวรัสโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ และเชื้อไวรัสเอชไอวี กล้ามเนื้ออักเสบอาจเกิดจากเชื้อไวรัสเหล่านี้บุกเข้าไปยังเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อโดยตรงหรือมีการปล่อยสารที่ไปทำลายใยกล้ามเนื้อให้เสียหาย
การอักเสบ
ภาวะที่ก่อให้เกิดการอักเสบไม่ว่าบริเวณใดของร่างกายก็สามารถส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อ และมักตามมาด้วยการอักเสบอย่างรุนแรงของกล้ามเนื้อที่จำเป็นต้องรับการรักษาระยะยาว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักพบว่าเป็นการอักเสบที่เกิดจากโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง หรือภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติที่ร่างกายหันมาทำลายตัวเองนั่นเอง
การได้รับบาดเจ็บ
การออกกำลังกายอย่างแข็งขันเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การปวด บวม และอ่อนแรงของกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกาย โดยอาจเกิดขึ้นนานเป็นชั่วโมงขึ้นไปหรือเป็นวัน ๆ และทำให้เกิดการอักเสบตามมาในที่สุด แต่ก็มักจะหายไปเมื่อหยุดพักหรือเมื่อร่างกายได้รับการฟื้นฟู
กล้ามเนื้ออักเสบ อาการ
อาการของกล้ามเนื้ออักเสบส่วนใหญ่จะแสดงในลักษณะของกล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดกล้ามเนื้อ บางครั้งผู้ป่วยอาจสังเกตได้เอง แต่บางครั้งก็อาจรู้ได้จากการตรวจเท่านั้น ซึ่งความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นนี้มักจะค่อย ๆ แย่ลงเมื่อเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือน และส่งผลต่อกลุ่มกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ทั้งหลาย เช่น คอ หัวไหล่ หลัง ขา และสะโพก เป็นต้น
และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น
- อ่อนล้า
- กลืนลำบาก
- หายใจลำบาก
- ปวดกล้ามเนื้อ ส่วนมากเกิดจากอุบัติเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อตึง หรือเป็นอาการจากโรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่
กล้ามเนื้ออักเสบ วิธีรักษา
การเลือกใช้วิธีรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดกล้ามเนื้ออักเสบในผู้ป่วยรายนั้น ๆ กล้ามเนื้ออักเสบที่เกิดจากอาการอักเสบอื่น ๆ อาจต้องรักษาด้วยยากดระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย เป็นต้น แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้ออักเสบจากกล้ามเนื้อนั้นสามารถทำการรักษาได้ด้วยการทำกายภาพบำบัดที่มีความเฉพาะทางทั้งในเรื่องของผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือในการรักษา
การทำกายภาพเพื่อรักษาภาวะ “กล้ามเนื้ออักเสบ”
กายภาพบําบัดกล้ามเนื้ออักเสบ โรคกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง (Myofascial pain syndrome) สามารถรักษาด้วยเครื่องมือ กายภาพบำบัด ดังนี้
การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG)
เป็นการสอดขั้วกระแสไฟฟ้ารูปร่างคล้ายเข็มผ่านผิวหนังเข้าไปภายในกล้ามเนื้อ วิธีนี้จะช่วยตรวจหากล้ามเนื้อที่อ่อนแอหรือถูกทำลายจากการเกิดกล้ามเนื้ออักเสบ โดยเครื่องจะบันทึกสัญญาณไฟฟ้าของปลายเส้นประสาท เพื่อให้แพทย์สามารถดูว่ามีรูปแบบการทำงานผิดปกติหรือไม่
การทำ MRI Scan (Magnetic Resonance Imaging)
MRI (Magnetic Resonance Imaging) เป็นเทคนิคการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูงร่วมกับคลื่นวิทยุ เพื่อสร้างภาพของเนื้อเยื่อและอวัยวะภายในร่างกาย ซึ่งให้ความละเอียดสูงกว่าการเอกซเรย์หรือ CT Scan โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ตรวจระบบกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็น เป็นต้น
เครื่องอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound Therapy)
อัลตร้าซาวด์ที่ใช้ในทางกายภาพบำบัดต่างจากอัลตร้าซาวด์ที่ใช้ตรวจครรภ์หรืออวัยวะภายใน โดยเป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงกระตุ้นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและข้อต่อเพื่อลดอาการตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
เครื่องไฮเพาเวอร์เลเซอร์ (High-Power Laser Therapy – HPLT)
เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แสงเลเซอร์พลังงานสูงเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อ โดยมีหลักการทำงานคือการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มพลังงานให้กับเซลล์เพื่อเร่งกระบวนการซ่อมแซมของกล้ามเนื้อให้ดีขึ้น
เครื่องอบความร้อนลึก (Deep Heat Therapy – Diathermy)
เป็นวิธีการบำบัดที่ใช้คลื่นความร้อนเข้าสู่เนื้อเยื่อชั้นลึกของร่างกาย เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อผ่อนคลาย ลดอาการอักเสบ และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่ได้รับการรักษา
อย่างไรก็ดี การปวดกล้ามเนื้อเช่นนี้แม้จะดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่แท้จริงแล้วสามารถทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอันตรายอื่น ๆ ได้มากมาย ดังนั้น หากใครที่กำลังพบกับปัญหานี้อยู่ ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย ควรรีบเข้าพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อทำการรักษาโดยเร็ว เพราะนอกจากจะรักษาการเจ็บปวดแบบเฉียบพลันแล้วก็ยังส่งผลดีต่อกล้ามเนื้อในระยะยาวอีกด้วย
วิธีเลือกคลินิกรักษากล้ามเนื้ออักเสบ
อาการกล้ามเนื้ออักเสบเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานกล้ามเนื้อหนักเกินไป การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือภาวะเรื้อรังที่เกิดจากโรคข้อและเส้นเอ็น การรักษาที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และการเลือกคลินิกที่ให้บริการรักษากล้ามเนื้ออักเสบที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้ผู้ประสบปัญหาได้รับการดูแลที่ถูกต้องและปลอดภัย
ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกคลินิกรักษากล้ามเนื้ออักเสบนั้น ประกอบด้วย…
1. ตรวจสอบความเชี่ยวชาญของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์
แพทย์ที่ให้การรักษาอาการกล้ามเนื้ออักเสบควรมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู นักกายภาพบำบัด หรือนักบำบัดด้านการเคลื่อนไหว ควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับใบรับรอง คุณวุฒิ และประสบการณ์ของแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับคำแนะนำและการรักษาที่ถูกต้อง
2. เทคโนโลยีและอุปกรณ์การรักษาที่ทันสมัย
คลินิกที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยจะสามารถให้การรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างของเทคโนโลยีที่ใช้รักษากล้ามเนื้ออักเสบ ได้แก่…
- เครื่องอัลตร้าซาวด์บำบัด (Ultrasound Therapy) ช่วยลดอาการปวดและกระตุ้นการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ
- เครื่องเลเซอร์พลังงานสูง (High-Power Laser Therapy) ใช้พลังงานแสงช่วยลดอาการอักเสบและกระตุ้นการซ่อมแซมของกล้ามเนื้อ
- เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) ช่วยลดอาการปวดและเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- เครื่องอบความร้อนลึก (Deep Heat Therapy) ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
3. รูปแบบการรักษาที่ครอบคลุมและเป็นไปตามหลักการแพทย์
คลินิกควรมีแนวทางการรักษาที่ครอบคลุมทั้งในระยะเฉียบพลันและระยะฟื้นฟู เช่น…
- การใช้ยาเพื่อลดอาการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
- การทำกายภาพบำบัดเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวอย่างมีประสิทธิภาพ
- การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ
- การให้คำแนะนำเกี่ยวกับท่าทางการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องเพื่อลดภาระของกล้ามเนื้อในชีวิตประจำวัน
4. ความสะอาดและมาตรฐานความปลอดภัยของคลินิก
การรักษาทางการแพทย์จำเป็นต้องมีมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่เข้มงวด ควรตรวจสอบว่าคลินิกมีมาตรฐานความสะอาด มีการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามหลักการป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
5. ความสะดวกในการเดินทางและค่าใช้จ่าย
ควรเลือกคลินิกที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก มีที่จอดรถหรือสามารถเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้ง่าย นอกจากนี้ ควรสอบถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษา แผนการรักษาที่เสนอ และสิทธิ์การใช้ประกันสุขภาพหรือแพ็กเกจรักษาต่าง ๆ เพื่อวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม
6. รีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการจริง
การอ่านรีวิวและความคิดเห็นจากผู้ที่เคยใช้บริการจะช่วยให้คุณเข้าใจคุณภาพของคลินิกมากขึ้น ดูว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างไร ผลลัพธ์ของการรักษาเป็นอย่างไร และมีปัญหาหรือข้อควรระวังอะไรบ้าง
7. การให้บริการหลังการรักษา
คลินิกที่ดีควรมีบริการติดตามผลการรักษา เช่น การตรวจติดตามอาการหลังการรักษา การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองที่บ้าน และการสนับสนุนด้านสุขภาพอื่น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์
การเลือกคลินิกรักษากล้ามเนื้ออักเสบที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ควรพิจารณาความเชี่ยวชาญของแพทย์ เทคโนโลยีที่ใช้ มาตรฐานความปลอดภัย และความสะดวกในการเข้ารับบริการเพื่อให้คุณได้รับการดูแลที่เหมาะสมที่สุด การเลือกคลินิกที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัวและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพอีกครั้ง
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วิดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวิดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- นั่งนาน ปวดหลัง แก้ได้ไม่ยาก
- ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Myofascial Pain Syndrome)
- ปวดหัว มึนหัว ปวดกระบอกตา คล้ายไมเกรน