ปวดหลังจากการขับรถ เที่ยวปีใหม่ ขับรถไกล ๆ แก้ยังไงดี
ปวดหลังจากการขับรถ เป็นเรื่องธรรมดาที่หลาย ๆ คนต้องเจอ เนื่องจากในชีวิตประจำวัน นอกจากการนั่งทำงานที่ต้องนั่งนาน ๆ แล้ว ก็มี “การนั่งนาน ๆ จากการขับรถ” อีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสาเหตุของการปวดหลังหรือหัวไหล่ของคนในยุคปัจจุบันจะไม่หายขาดไปเสียที เนื่องจากทั้ง 2 อย่างนี้เป็นกิจกรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และยิ่งช่วงปีใหม่ที่เป็นวันหยุดยาว ก็เป็นที่ทราบกันดีว่ารถต้องติดอย่างแน่นอน ดังนั้น ในบทความนี้ Newton Em Clinic จึงนำวิธีคลายเมื่อยและวิธีป้องกันการปวดหลังขณะขับรถมาฝาก ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นตามมาดูไปพร้อม ๆ กันได้เลย
ปวดหลังจากการขับรถ เกิดจากอะไร แก้ไขได้อย่างไรบ้าง?
สำหรับผู้ที่ขับรถยนต์เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเดินทางไกล หรือการจราจรติดขัดทำให้ต้องอยู่บนรถหลายชั่วโมง นอกจากจะมีอาการอ่อนเพลียแล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้คืออาการปวดเมื่อย และปวดหลัง ซึ่งถือเป็นอาการที่อาจทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้ ยิ่งโดยเฉพาะช่วงปีใหม่ที่เป็นช่วงหยุดยาว จึงยิ่งทำให้ผู้ที่ต้องออกสัญจรบนท้องถนนต้องใช้เวลาอยู่บนถนนนานกว่าปกติ ซึ่งอย่างต่ำก็ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังดังกล่าวได้นั่นเอง
“ปวดหลังล่าง” เพราะต้องขับรถนาน เกิดจาก…
อาการ “ปวดหลังส่วนล่าง” นอกจากที่เกิดขึ้นจากการขับรถนานแล้ว ยังมีสาเหตุอื่น ๆ อีกที่ทำให้ปวดหลังส่วนล่างได้ เช่น การนั่งทำงานในท่าเดิม ๆ หรือผิดท่า การก้มหรือบิดตัวบ่อย ๆ การยกของหนักเป็นประจำ การทำงานที่เกิดการสั่นสะเทือนเป็นประจำ เช่น การขุดเจาะ ขับรถบรรทุก หรืออาจจะเกิดจากอุบัติเหตุบริเวณหลัง โรคเอ็นกล้ามเนื้อและกระดูกเสื่อม กระดูกสันหลังติดเชื้อ หรือภาวะกระดูกสันหลังผิดรูป เป็นต้น
ซึ่งอาการนี้ เป็นอาการที่พบได้บ่อยกับคนทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ แม่ค้า พ่อค้า นักเรียน นักศึกษา และที่พบบ่อย ๆ เลยก็คือ พนักงานขับรถสาธารณะนั่นเอง เช่น คนขับรถเมล์ รถตู้ หรือรถแท็กซี่ หรือใครก็ตามที่ต้องใช้เวลาขับรถในหนึ่งวันมากกว่า 2 ชั่วโมงขึ้นไป เพราะการขับรถก็เป็นอิริยาบถหนึ่งที่มักทำผิดท่าได้ง่ายเช่นเดียวกับท่านั่งทำงานในออฟฟิศ การขับรถก็ต้องนั่งอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ มีการขยับของขาและสะโพกบ้าง และยิ่งคนตัวเล็ก ๆ ก็อาจจะยิ่งทำให้ปวดหลังส่วนล่างได้เพราะเวลาขับรถบางทีแผ่นหลังไม่ได้ชิดกับเบาะ ทำให้อาจจะต้องเกร็งกล้ามเนื้อหลังตลอดเวลาการขับรถได้นั่นเอง
วิธีแก้ไขอาการปวดหลังล่างหลังการขับรถ
การรักษาและดูแลอาการปวดหลังส่วนล่าง จากการขับรถก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายวิธี เช่น
การปรับพฤติกรรมในการขับรถ
เนื่องจากอาการปวดหลังส่วนล่างที่เกิดขึ้นมักมาจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อย่างการขับรถที่ต้องนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ และบางทีหลังของเราก็ไม่ชิดกับเบาะเวลาขับรถ ทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานตลอดเวลา จนทำให้กล้ามเนื้อเกิดความตึงตัว หากเราเอี้ยวตัวผิดหรือบิดตัวผิดท่าก็ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการฉีกขาดภายในได้ และเมื่อเรากลับไปนั่งในท่าเดิมนาน ๆ ร่างกายจะเกิดกลไกป้องกันตัวเอง ทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการเกร็งและหดตัวซ้ำ ๆ จนเกิดเป็นกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง และเกิดอาการปวดตามมาได้ เราจึงควรปรับพฤติกรรมท่านั่งขับรถ ให้เกิดท่านั่งที่เหมาะสม ปรับเบาะรถให้เข้ากับการจับพวงมาลัย วางเท้าให้พอดีกับคันเร่งและเบรก หลังพิงกับเบาะให้ชิดมากที่สุด และหากต้องขับรถเป็นระยะทางไกล ๆ ควรแวะพักทุก ๆ 1 ชั่วโมงให้กล้ามเนื้อได้พักจากการทำงาน
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ขับรถนาน ก้มเงยบ่อย
การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเป็นสิ่งที่ทำให้อาการปวดหลังส่วนล่างบรรเทาอาการได้ดีที่สุด โดยพฤติกรรมเสี่ยงก็มีอยู่หลายพฤติกรรม ไม่ว่าจะเป็นการนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานาน การนั่งทำงานในออฟฟิศ การขับรถนาน การยกของหนัก หรือการเอี้ยวหรือบิดตัวมากเกินไป เป็นต้น
การออกกำลังกาย
เมื่อเรายืดกล้ามเนื้อแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น โดยการออกกำลังกายควรเป็นการออกกำลังกายที่เน้นแกนกลางลำตัว เช่น การแพลงก์ ซิทอัพ หรือการออกกำลังกายกล้ามเนื้อหลังมัดลึก เพื่อเพิ่มความกระชับให้แก่กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่พยุงกระดูกสันหลังและเพิ่มความมั่นคงให้แก่แนวกระดูกสันหลังด้วย
การยืดกล้ามเนื้อ
การนั่งขับรถ มักจะอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน จนเกิดความตึงตัวของกล้ามเนื้อและทำให้ร่างกายขาดความยืดหยุ่น จนทำให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ เราจึงควรยืดกล้ามเนื้อลำตัว หลัง และขาหลังการขับรถเพื่อให้กล้ามเนื้อเกิดความผ่อนคลายและยังสามารถลดอาการปวดหลังส่วนล่างได้อีกด้วย
ท่ายืดกล้ามเนื้อหลัง-หัวไหล่ เพื่อลดปัญหาเมื่อยตัวขณะขับรถ
จากที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น นอกจากพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ปวดหลัง-หัวไหล่แล้ว ผู้ที่มีอาการปวดเช่นนี้สามารถทำการคลายกล้ามเนื้อด้วยท่ายืดต่าง ๆ ดังนี้
- หงายมือออกและวางแขนแนบกับลำตัว จากนั้นเกร็งข้อศอกแล้วยกขึ้นให้ถึงหัวไหล่ และค่อย ๆ เอาแขนขึ้นลงช้า ๆ แนะนำให้ทำซ้ำท่าเดิมประมาณ 2 รอบ โดยวิธีนี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อ และบรรเทาอาการปวดเมื่อยเมื่อต้องขับรถเป็นเวลานาน
- ยกแขนขวาให้ตั้งขนานกับพื้น ตั้งฉากกับลำตัว จากนั้นใช้มือซ้ายจับข้อศอกขวา และให้ออกแรงผลักไปข้างหลัง ทำค้างไว้และนับ 1-5 จากนั้นสลับทำอีกข้าง โดยให้ทำซ้ำกันประมาณ 5 ครั้ง
- นั่งยืดตัวแล้วบีบไหล่โดยยกขึ้นไปถึงบริเวณใบหู ทำค้างไว้และนับถึง 2 โดยให้ทำแบบนี้ซ้ำกัน 5 ครั้ง จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกถึงความกระปรี้กระเปร่า
- นั่งยืดตัว ทำตัวตรงและเอามือจับที่เบาะรถ จากนั้นใช้มือซ้ายสอดเข้าไปใต้ขาขวา จากนั้นบิดตัวค้างไว้นับ 1-5 และทำสลับข้างไปมาประมาณ 5 ครั้ง
- เหยียดขาออกไปด้าหน้า จากนั้นยกเท้าขึ้น เหยียดปลายเท้าให้สุด และให้กระดกปลายเท้าขึ้นลง ทำประมาณ 5 ครั้ง โดยทำสลับข้างไปเรื่อย ๆ วิธีนี้เป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้าขณะขับรถได้ดี
อย่างไรก็ตาม การป้องกันที่ดีที่สุด คือ การออกกําลังกายที่สม่ำเสมอ จะช่วยให้กล้ามเนื้อหลังยืดหยุ่น ผ่อนคลาย เคลื่อนไหวได้อย่างไม่เครียดเกร็ง และช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงได้อีกด้วย ทั้งนี้อีกสิ่งที่สำคัญคือไม่ควรปล่อยให้อาการปวดหลังล่างหรือหัวไหล่นี้อยู่นาน ๆ เพราะอาจเกิดอาการเรื้อรังได้ ซึ่งหากผู้ป่วยต้องการหายจากอาการดังกล่าวอย่างถาวร นอกจากจะต้องปรับเปลี่ยนท่านั่งหรือพฤติกรรมการขับรถแล้ว ก็จำเป็นต้องเข้าพบนักกายภาพบำบัดเพื่อเข้ารับการรักษาและชี้แจงเกี่ยวกับอาการปวดของตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อผลที่คาดหวังนั่นเอง
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วิดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวิดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- นั่งนาน ปวดหลัง แก้ได้ไม่ยาก
- ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Myofascial Pain Syndrome)
- กายภาพบำบัดสันหลังคด ฟื้นฟูกระดูกได้โดยไม่ต้องผ่าตัด