กายภาพบําบัดจัดกระดูก สำหรับผู้สูงอายุ ฟื้นฟูร่างกายให้ดีขึ้น
กายภาพบําบัดจัดกระดูก สำหรับผู้สูงอายุ เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับผู้สูงอายุและบุตรหลานในครอบครัวที่ผู้สูงวัยที่บ้านกำลังประสบปัญหากระดูกและกำลังหาหนทางรักษา ซึ่งจริง ๆ ต้องบอกก่อนว่าการรักษาภาวะทางกระดูกนั้นมีหลายหนทาง เช่น การรับประทานยา การฉีดยา และการผ่าตัด เป็นต้น แต่วิธีต่าง ๆ เหล่านี้เป็นวิธีที่แพทย์จะเลือกใช้หากการรักษาด้วยกายภาพบำบัดอาจไม่ได้ผล รวมถึงบุตรหลานหลาย ๆ คนอาจกังวลใจถึงความเสี่ยง ดังนั้น การทำกายภาพสำหรับการจัดกระดูกจึงเป็นวิธีที่หลาย ๆ ครอบครัวเลือกใช้ให้กับผู้สูงอายุเพราะมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องผ่าตัดนั่นเอง
กายภาพบําบัดจัดกระดูก สำหรับผู้สูงวัย ฟื้นฟูให้ร่างกายแข็งแรงกว่าเดิม
ปัญหากระดูก มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่มีมวลกระดูกเปราะบาง แต่ผู้ป่วยมักไม่ค่อยรู้ตัว อาการของโรคกระดูกพรุน จะไม่สามารถสังเกตเห็นได้ในช่วงแรก มักเป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้นสะสมในร่างกายมานาน จนกว่าจะเกิดอุบัติเหตุจนกระดูกหัก และจะทราบว่าป่วยก็เมื่อมีอาการอื่นๆ เช่น มีอาการปวดหลังเรื้อรัง หลังค่อม ส่วนสูงลดลง หรือแขน กระดูกข้อมือ สะโพก และกระดูกสันหลังแตกหักง่าย เป็นต้น จึงทำให้คนจำนวนมากไม่ทราบว่าสภาวะกระดูกของตนเองนั้นบางไปมากน้อยเพียงใดแล้ว และไม่ได้สนใจที่จะดูแลป้องกันภาวะกระดูกพรุนอย่างจริงจัง ซึ่งนั่นส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน ภาวะทางกระดูกสามารถส่งผลต่ออิรอยาบถดังกล่าวได้ทั้งสิ้น ซึ่งในกรณีที่รุนแรงที่สุดอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้สูงอายุได้อีกด้วย
“โรคกระดูก” ที่มักพบใรผู้สูงอายุ
จากที่ได้กล่าวไปว่าภาวะปัญหากระดูกของผู้สูงวัยนั้นเป็นปัญหลัก ๆ ที่หลายคนพบเจอ ซึ่งโรคกระดูกที่มักพบนั้น ประกอบด้วย…
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
กระดูกพรุน คือ ความผิดปกติของกระดูกที่ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง และมีการเสื่อมสลายของโครงสร้างภายในกระดูก ทำให้กระดูกมีความเปราะบาง ส่งผลให้กระดูกมีความแข็งแรงน้อยลง โดยปกติความแข็งแรงของกระดูกนี้เกิดจากสองปัจจัยรวมกัน คือ ความหนาแน่นของกระดูก และคุณภาพของกระดูก ซึ่งลักษณะกระดูกที่พรุนจะมีความกลวงภายในมากขึ้น มวลกระดูกส่วนที่อยู่ตรงกลางจะน้อยลง และกระดูกส่วนด้านนอกก็จะบางลงและอ่อนแอลงเรื่อยๆ เสี่ยงต่อการหกล้มหรือกระแทกแล้วกระดูกหัก ร้าว หรือแตก ปวดขัดภายใน การเดิน ลุก นั่ง และยืนจะทำได้ลำบากมากขึ้น
โรคกระดูกคดในผู้สูงอายุ (Degenerative lumbar scoliosis)
โรคกระดูกคดในผู้สูงอายุเกิดจากความเสื่อมของร่างกายคนปกติ เมื่ออาการเสื่อมที่หมอนรองกระดูกทั้งด้านซ้ายและด้านขวาที่ไม่เท่ากัน จะทำให้อีกข้างหนึ่งทรุดมากกว่าอีกข้าง จึงเกิดการกระดูกคดในผู้สูงอายุได้ ทำให้ผู้สูงอายุบางรายเดินเอียงหรือเดินแอ่นหน้าและหลัง โดยในผู้สูงอายุบางรายที่ป่วยเป็นโรคกระดูกคดแล้วไปทับเส้นประสาทร่วมด้วยจะส่งผลให้คนไข้เกิดอาการปวด เช่น ปวดร้าวตั้งแต่สะโพกและเท้า ทำให้กระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนสูงวัยนั้น แพทย์ก็ต้องดูว่าเป็นมากน้อยแค่ไหน ส่วนขั้นตอนในการรักษามีทั้งการผ่าตัด การให้ยา กายภาพบำบัด ซึ่งการรักษาดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละท่าน
กายภาพบำบัดสำหรับการจัดกระดูก หรือ นวดจัดกระดูก สำหรับผู้สูงอายุ
นวดจัดกระดูก เป็นชื่อที่คนไทยมักใช้กัน สำหรับเรียกศาสตร์การบำบัดกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อ แบบทางเลือกโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยการรักษาด้วยเทคนิคนี้ไม่ใช่การตั้งหน้าตั้งตากด ดัด จัด เรียงกระดูกของคนไข้ให้เข้าที่อย่างที่บางคนเข้าใจ แต่เป็นการใช้มือของผู้บำบัด (ที่เรียนมาทางด้านนี้โดยตรงจนมีความชำนาญการ) ทำเทคนิค “manipulaion” คือ ดึง ดัด กระชากเบา ๆ เพื่อให้กระดูก กล้ามเนื้อ ข้อต่อ ของผู้รับการบำบัด ซึ่งชักจะบิด ๆ ผิดไปจากที่ควร กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องนั่นเอง โดยเฉพาะการทำกายภาพหรือนวดสำหรับผู้สูงอายุนั้นต้องได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีประสบการณ์เฉพาะทางเท่านั้น เพราะผู้สูงอายุเป็นวัยที่มีกระดูกที่เปราะบาง ดังนั้น การเข้ารับการดูแลจากผู้มีประสบการณ์ตรงและเชี่ยวชาญย่อมดีที่สุด
กายภาพบำบัดในการจัดกระดูกสำหรับผู้สูงอายุช่วยอะไร?
จุดประสงค์หลักในการทำกายภาพบำบัดผู้สูงอายุ มักเป็นการเพิ่มสมรรถภาพร่างกายให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ประกอบไปด้วยข้อต่อไปนี้
- บรรเทาอาการปวด
- เรียนรู้วิธีการใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ไม้เท้า ไม้พยุง
- ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อและข้อต่อ
- ฟื้นฟูความสมดุลของร่างกาย
- เพิ่มขีดความสามารถในการเคลื่อนไหว
- เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
- ฟื้นฟูการประสานงานกันระหว่างกล้ามเนื้อ
ทั้งนี้ ในขั้นตอนการฟื้นฟูต่าง ๆ จะมีนักกายภาพบำบัดผู้สูงอายุ (Geriatric physical therapists) ทำการประเมินอาการ ความสามารถในการเคลื่อนไหว ซักประวัติ เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุแต่ละคนด้วย
กายภาพบำบัดอื่น ๆ สำหรับผู้สูงอายุ มีอะไรอีกบ้าง?
หลังจากกำหนดแผนการรักษาแล้ว วิธีการทำกายภาพบำบัดผู้สูงอายุที่พบได้หลัก ๆ อาจมีดังนี้
กายภาพบำบัดทั่วไป (Manual Therapy)
เป็นการกายภาพบำบัดด้วยมือของนักกายภาพบำบัด เช่น การนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การบิดและดึงบริเวณข้อต่อ มีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวด นอกจากนี้อาจมีการให้คำแนะนำท่าทางที่สามารถนำไปปฎิบัติเองที่บ้านได้
กายภาพบำบัดประคบเย็น (Cold Therapy)
อาจใช้เวลาประคบประมาณ 15-20 นาทีต่อครั้ง ร่วมกับการนวดคลึง มีจุดประสงค์เพื่อบรรเทาอาการปวด บวม และลดการอักเสบ
กายภาพบำบัดประคบร้อน (Heat Therapy)
สามารถใช้ได้ทั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย มีส่วนช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น บรรเทาอาการสำหรับผู้ที่ข้อเสื่อม
กายภาพวารีบำบัด (Hydrotherapy)
เป็นการทำกายภาพบำบัดในบ่อน้ำ หรืออ่างน้ำ เพราะน้ำมีแรงต้านที่ไม่มากเกินไป เมื่อออกแรงขณะใต้น้ำจะช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่ออ่อนของร่างกายได้
กายภาพบำบัดด้วยกระแสไฟฟ้า (Electrical stimulation)
มีส่วนช่วยในการระงับสัญญาณความปวดที่ส่งไปยังสมอง ทำให้อาการปวดบรรเทาลง มักใช้กับผู้ที่ข้ออักเสบ รวมถึงสามารถใช้เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นด้วย
กายภาพบำบัดด้วยอัลตราซาวด์ (Ultrasound)
เป็นการใช้คลื่นเสียงส่งเข้าไปในกล้ามเนื้อเพื่อลดอาการปวด และกล้ามเนื้อกระตุก สามารถใช้ได้ทั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย
และเช่นเดิม นักกายภาพบำบัดจะประเมินร่างกายของผู้รับบริการทุกครั้งก่อนเริ่มการกายภาพบำบัด ดังนั้นจำนวนครั้งที่จะได้ทำการบำบัดแต่ละประเภท อาจแตกต่างกันออกไป ดังนั้น ควรพาผู้สูงอายุเข้าพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อความชัดเจนของการวินิจฉัยและแผนการรักษาด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบจากโรคร้ายแรงและผ่านการรักษาโดยแพทย์แล้ว สามารถทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายได้ เพราะนอกจากภาวะกระดูกที่มีปัญหาแล้ว ผู้สูงอายุยังสามารถพบปัญหาภาวะอื่น ๆ ได้อีก เช่น ปัญหาที่มาจากโรคประจำตัว เป็นต้น
ทั้งนี้ รวมถึงผู้ที่มีอาการปวดรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ก็สามารถทำกายภาพบำบัดผู้สูงอายุเพื่อฟื้นฟู และเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อได้เช่นกัน ลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ด้วยนั่นเอง
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วีดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวีดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- “โรคกระดูกสันหลัง” โรคที่ควรระวังปล่อยไว้อาจส่งผลเสีย
- ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Myofascial Pain Syndrome)
- “ผ่าตัดกระดูกสันหลัง” กับ 8 คำถามที่ต้องรู้คำตอบ