“เดินแล้วปวดหลัง” แก้ยังไงดี หากต้องเดินทุกวันจะรักษาหายไหม?
เดินแล้วปวดหลัง เชื่อว่าเรา ๆ ท่าน ๆ คงเคยมีอาการ “ปวดหลัง” บางคนปวดมาก บางคนปวดน้อย อาจจะมีอาการเป็นวัน หรือบางคนอาจมีอาการเป็นเดือน เช่น ปวดจากการทำงานหนัก มีสาเหตุจากกล้ามเนื้อ มักเกิดจากการทำท่าทางซ้ำ ๆ ในท่าเดิม ๆ โดยทั่วไปเป็นอาการปวดหลังที่ไม่อันตราย ส่วนใหญ่จะดีขึ้นหลังพัก และไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่อาการปวดที่รุนแรง หรือมีอาการนานเป็นเดือน และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ยิ่งโดยเฉพาะกับ “การเดิน” ที่ทุก ๆ คนต้องทำเป็นประจำ จึงเป็นเรื่องที่ยากที่จะหลีกเลี่ยงและรักษาให้อาการนี้หายไป
เดินแล้วปวดหลัง ทำยังไงดี? กิจวัตรประจำวันธรรมดา ๆ ที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังแบบไม่รู้ตัว
อาการปวดหลัง หรือ Back Pain เป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่รบกวนการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันของเราหลายคน ไม่ว่าจะยืน นอน เดิน หรือนั่ง แม้กระทั่งตอนอยู่เฉยๆ อาการปวดหลังสามารถเกิดได้กับคนในทุกเพศทุกวัย ซึ่งพบมากขึ้นในคนวัยทำงาน โดยอาการปวดสามารถเกิดได้ทั้ง หลังส่วนบน บริเวณต้นคอ บ่าไหล่ หลังส่วนกลาง บริเวณกล้ามเนื้อลำตัว หน้าท้อง และหลังส่วนล่าง บริเวณใต้สะดือลงไปถึงก้นกบ หรือในบางกรณีจะมีอาการปวดร้าวบริเวณหลังขาบนร่วมด้วย ซึ่งอาการปวดหลังแต่ละจุด เกิดมาจากสาเหตุที่แตกต่างกัน
สาเหตุของอาการปวดหลัง
อาการปวดหลัง ไม่ว่าจะปวดแบบเฉียบพลัน หรือปวดเรื้อรัง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ในที่นี้จะขอแบ่งออกเป็น 2 สาเหตุหลักๆ คือ
อาการปวดหลังที่เกิดจากโรค
ยกตัวอย่างเช่น โรคเนื้องอกบางชนิด โรคกระดูกพรุนจากการขาดแคลเซียมสำหรับคนที่มีอายุมากขึ้น
อาการปวดหลังที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นการนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานานๆ ติดต่อกัน การบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย น้ำหนักตัวที่มากเกินไป และอีกสาเหตุที่ทุกคนชอบมองข้ามคือ การยกของหนักๆ และการยกของในท่าที่ไม่เหมาะสม ก็สามารถส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังได้ ซึ่งคนจากหลากหลายอาชีพ มีความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้เนื่องจากการทำงาน เช่น อาชีพพนักงานขนส่งที่ต้องยกกล่องลัง พนักงานโรงงาน หรืออาชีพอื่นๆที่ต้องยกหรือถือของหนัก ๆ เป็นเวลานาน
ทำไมเดินเยอะจึงทำให้ปวดหลัง ปวดหลังช่วงล่างมาก ๆ เดินได้ไม่นาน รักษายังไงดี?
ต้องบอกก่อนว่าอาการปวดหลังล่างนั้นเป็นภาวะที่สร้างความรำคาญและรบกวนการใช้ชีวิตประจําวันของคนเราเป็นอย่างมาก คนจำนวนกว่า 80% มักเคยปวดหลังล่างมาอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต แต่โดยทั่วไปแล้วอาการปวดหลังล่างไม่ใช่อาการร้ายแรง สามารถหายได้เอง
ปัจจัยทางร่างกายและอารมณ์ที่เพิ่มความเสี่ยงของอาการปวดหลัง ได้แก่ เพศ อายุที่มากขึ้น การใช้แรงมาก ๆ พฤติกรรมเนือยนิ่ง การสูบบุหรี่ โรคอ้วน ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความเครียดหรือปัญหาเรื่องงาน เป็นต้น และจากที่กล่าวไปข้างต้นว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังคือ พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ดังนั้น การเดิน จึงถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะนี้ขึ้นมานั่นเอง
โดยทั่วไปแล้ว อาการปวดหลังจากการเดิน อาจไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แม้จะเป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นได้แต่ก็มักจะเกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้น ในกลุ่มผู้ป่วยที่อายุยังน้อย การปวดหลังจากการเดินอาจเกิดจากการเดินผิดท่า เช่น การเดินห่อไหล่ การเดินหลังค่อม เป็นต้น ซึ่งนอกจากนี้ อาจเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังก็เป็นได้ จึงทำให้เกิดอาการปวดในระหว่างการเดินนั่นเอง
การรักษาอาการปวดหลังด้วยการทำ “กายภาพบำบัด”
เป้าหมายของการกายภาพบำบัดรักษาอาการปวดหลัง คือ เพื่อบรรเทาอาการปวด และให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหรือใกล้เคียงปกติที่สุด โดยวิธีการรักษาอาการปวดหลังมีหลายวิธี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การทำกายภาพบำบัด นั่นเอง โดยการรักษาด้วยวิธีนี้จะพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยมุ่งเน้นการรักษาที่ต้นเหตุของอาการ รวมถึงบรรเทาอาการเจ็บปวดให้เหลือน้อยที่สุด
การทำกายภาพบำบัดเพื่อรักษาอาการปวดหลัง มีวิธีใดบ้าง?
เป็นวิธีรักษาอาการปวดหลังที่มีความสำคัญและใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลัง การทำกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการปวดมีหลายประเภท เช่น
- การใช้ความร้อน โดยการประคบร้อน
- อัลตราซาวด์
- การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า
- กายภาพบำบัดด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังรวมไปถึงการปรับปรุงท่าทางการใช้งานหลังของผู้ป่วยในชีวิตประจำวัน หลังจากอาการปวดดีขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรฝึกตามมา คือ การบริหารและกายภาพบำบัดด้วยตัวเองเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นโดยการนวด ดัด ยืด และฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง สะโพก และหน้าท้อง ด้วยวิธีการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน เพื่อช่วยป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
อย่างไรก็ตาม การทำกายภาพบำบัดรักษาปวดหลัง จะช่วยรักษาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี เมื่อนักกายภาพบำบัดตรวจร่างกายและหาสาเหตุของอาการปวดหลังได้แล้ว ก็จะเริ่มต้นการรักษาโดยเน้นบรรเทาอาการเจ็บปวดที่หลัง คืนความสมดุลให้แก่ร่างกาย ฟื้นฟูสุขภาพบริเวณหลังให้ดีขึ้น เพื่อให้ประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายกลับมาเป็นปกติได้ดังเดิม
——————————–
ข้อควรระวัง: เนื้อหาในบทความ วิดีโอ ข้อความคิดเห็น มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ และสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีความตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนการเข้ารับการตรวจ วิเคราะห์ และการวางแผนการรักษาของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้เข้าชมไม่ควรวินิจฉัย หรือ คาดเดาโรคด้วยตัวเองจากการอ่านบทความ ข้อคิดเห็น หรือ ดูวิดีโอ นี้ คนไข้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตนเองเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดที่อาจเกิดเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง
บทความที่น่าสนใจ
- นั่งนาน ปวดหลัง แก้ได้ไม่ยาก
- ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Myofascial Pain Syndrome)
- ปวดหัว มึนหัว ปวดกระบอกตา คล้ายไมเกรน